มิติหุ้น – บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ผันผวนตลาดโลก จากแรงกดดันภาวะเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐ หลังเฟดยืนยันที่จะคุมเข้มนโยบายการเงินต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600- 1,650 จุด แนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการยุบ ศบค. ยกเลิกพ.ร.ก.ฉุกเฉินมีผล 1 ต.ค.นี้ พร้อมชู 5 หุ้นเด่น ERW-CENTEL-VRANDA-ASAP-SPA น่าลงทุน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้มีโอกาสปรับตัวลงตามทิศทางตลาดโลก โดยมีแรงกดดันจากนักลงทุนยังคงวิตกกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจถดถอย หลังจากเฟดยืนยันที่จะใช้นโยบายการเงินเข้มงวดต่อไปเพื่อสกัดเงินเฟ้อ ขณะที่ราคาน้ำมันดิบ WTI ที่ปรับตัวลงแรงกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน คาดดัชนีเคลื่อนไหวในกรอบ 1,600-1,650 จุด
ตลาดหุ้นทั่วโลกถูกกดดันจากภาพรวมเศรษฐกิจถดถอยหลังธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย (Fed Fund Rate) สะท้อนจากตัวเลขเศรษฐกิจที่ยังแสดงอาการชะลอตัว อาทิ ดัชนี PMI รวมภาคการผลิตและภาคบริการเบื้องต้นของสหรัฐในเดือนก.ย.แม้ปรับตัวขึ้นสู่ระดับ 49.3 สูงสุดในรอบ 3 เดือนหลังหดตัวเป็นเดือนที่ 3 ติดต่อกัน แต่ดัชนี PMI ยังต่ำกว่าระดับ 50 ซึ่งบ่งชี้ว่าภาคธุรกิจของสหรัฐอยู่ในภาวะหดตัว โดยทางทีมนักวิเคราะห์ของบริษัทโนมูระปรับลดคาดการณ์การขยายตัวของเศรษฐกิจจีนในปี 2566 ลงเหลือ 4.3% จากตัวเลขคาดการณ์เดิมที่ 5.1% เป็นผลกระทบจากการที่จีนใช้นโยบายโควิดเป็นศูนย์มาเป็นเวลานาน ส่วนดัชนีชี้นำเศรษฐกิจของสหรัฐปรับตัวลง 0.3% ในเดือนส.ค. หลังจากร่วงลง 0.5% ในเดือนก.ค. โดยปรับตัวลงเป็นเดือนที่ 6 ติดต่อกัน ส่งสัญญาณเศรษฐกิจถดถอย โดยได้รับผลกระทบจากการเร่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐ (FED) ส่งผลให้ธนาคารกลางหลายประเทศ อาทิ สหรัฐ อังกฤษ สวีเดน แอฟริกาใต้ อียิปต์ บราซิล ฟิลิปปินส์ อินโดนีเซีย ญี่ปุ่น ล้วนมีมติปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย หลายแห่งปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายสูงกว่าคาดการณ์เพื่อควบคุมเงินเฟ้อ
ส่วนปัจจัยที่ยังต้องจับตา อาทิ วันที่ 28 ก.ย. ประชุมคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 5/2565 วันที่ 30 ก.ย. ธปท.รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และบริษัทจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์ฯส่วนใหญ่ปิดงวดงบการเงินไตรมาสที่ 3 ธนาคารกลางญี่ปุ่น (BOJ) เปิดเผยรายงานการประชุม สหรัฐ รายงานยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนส.ค. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนที่ได้ประโยชน์จากการยุบ ศบค. พร้อมทั้งมีมติยกเลิก พ.ร.ก.ฉุกเฉิน มีผลวันที่ 1 ต.ค. 2565 ซึ่งส่งผลดีต่ออุตสาหกรรมท่องเที่ยว ประกอบกับการเข้าสู่ช่วงไอซีซั่นในช่วงปลายปี และการออกแคมเปญกระตุ้นการท่องเที่ยวอย่างต่อเนื่อง อาทิ ตั๋วเครื่องบินราคาถูก โดยหุ้นที่ได้ประโยชน์ ได้แก่ ERW, CENTEL, VRANDA, ASAP และ SPA
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่า ส่วนในสัปดาห์นี้ตลาดทองคำยังถูกกดดันต่อเนื่อง หลังตลาดกังวลว่าเศรษฐกิจสหรัฐกำลังเกิดภาวะถดถอย ขณะที่นักลงทุนยังจับตาประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและดัชนีเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE ส่วนแนวโน้มการเทขายทองคำของ SPDR ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง
ดังนั้น ทางฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาอาจแกว่งตัวในกรอบแคบ แม้ตลาดรับข่าวร้ายไปแล้วแต่การปรับตัวขึ้นยังทำได้จำกัด ทำให้ราคาทองคำแกว่งตัวในกรอบ 1,620-1,670$/oz แนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp