มิติหุ้น – หลังจาก AIS ประกาศเข้าซื้อ บริษัท ทริปเปิลที บรอดแบนด์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTTBB มูลค่า 19,500 ล้านบาท ซึ่งเป็นบริษัทย่อยของ จัสมิน หรือ JAS และเข้าซื้อหน่วยลงทุนในกองทุน JASIF ในสัดส่วน 19% คิดเป็นมูลค่า 12,920 ล้านบาท สรุปมูลค่าดีลครั้งนี้ AIS ต้องใช้เงินลงทุนเป็นเงินจำนวน 32,420 ล้านบาท
โดยเมื่อวันที่ 23 กันยายนที่ผ่านมา ที่ประชุมวิสามัญผู้ถือหุ้น JAS ได้มีมติเอกฉันท์ในการขาย TTTBB และ JASIF ให้แก่ AIS เป็นที่เรียบร้อยด้วยจำนวน 97% ของผู้ถือหุ้นที่เข้าประชุม ทำให้กระบวนการต่อไปถึงต้องเข้าสู่การพิจารณาอนุมัติโดยที่ประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนของ JASIF
โดยความเคลื่อนไหวล่าสุด ดิสคัฟเวอร์ แมนเนจเม้นท์ จำกัด บริษัทที่ปรึกษาทางการเงินอิสระหรือ IFA ได้มีรายงานความคิดเห็นเสนอต่อผู้ถือหน่วยลงทุนของกองทุนรวมโครงสร้างพื้นฐานบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต จัสมิน หรือ JASIF เพื่อประกอบการพิจารณาอนุมัติ ในการประชุมผู้ถือหน่วยฯ JASIF ซึ่งจะจัดขึ้นในวันที่ 18 ตุลาคม 65
โดยสิ่งสำคัญที่ที่ปรึกษาการเงินอิสระให้ความสำคัญกับการพิจารณาอนุมัติในครั้งนี้คือความเสี่ยงในการผิดนัดชำระหนี้เป็นหลัก โดยชี้ว่าในปัจจุบันทางกองทุน JASIF มีผู้เช่าหลักเพียงรายเดียว หากผู้เช่าหลักไม่สามารถจ่ายค่าเช่าตามสัญญาหรือจ่ายค่าเช่าล่าช้า จะส่งผลกระทบโดยตรงต่อผู้ถือหน่วยลงทุนฯอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ และอาจส่งผลต่อเนื่องถึงผู้ถือหุ้นกู้ของ TTTBB
ที่ปรึกษาการเงินอิสระจึงเห็นว่าการเข้าทำรายการธุรกรรมจำหน่ายหุ้นและหน่วยลงทุน การยกเลิกและแก้ไขเพิ่มเติมสัญญาที่เกี่ยวข้องในครั้งนี้มีความเหมาะสม
โดยได้มีการพิจารณาปัจจัยและเหตุผลต่างๆหลากหลายด้าน ไม่ว่าจะเป็นจากการแข่งขันที่สูงขึ้นและผู้เล่นในตลาดที่มีความแข็งแกร่งมากขึ้น ทำให้ TTTBB มีความยากลำบากในการเติบโตของรายได้ให้เป็นไปตามสัญญาขยายอายุสัญญาเช่า ที่ 40,000 ล้านบาท ทำให้ลดความเป็นไปได้ในการต่อสัญญาของ TTTBB หลังหมดสัญญา และจะทำให้กระแสเงินสดรับของกองทุนหลังจากปี 2575 สิ้นสุดลง
อีกประการหนึ่งคือคำถามความสามารถในการชำระหนี้สินของ TTTBB จากผลการดำเนินงานที่ขาดทุนต่อเนื่อง แม้ส่วนหนึ่งจะมาจากภาระหนี้สัญญาเช่าทางการเงินตามมาตรฐานบัญชีใหม่ แต่การที่ขาดทุนก็แสดงถึงความสามารถในการสร้างรายได้จากสินทรัพย์ที่เช่าต่ำกว่าภาระดอกเบี้ยที่ต้องจ่ายตามสัญญาเช่าทางการเงิน ซึ่งสะท้อนถึงการที่รายได้ไม่ปรับตัวตามรายจ่ายที่เพิ่ม บวกกับความสามารถในการชำระค่าเช่าลดลง จากการแข่งขันที่รุนแรง ซึ่งที่ปรึกษาการเงินอิสระได้คาดการณ์กระแสเงินสดของ JAS ช่วง 12 เดือนข้างหน้า ซึ่งมีภาระทางการเงินที่ต้องจ่าย หากกระแสเงินสดติดลบ ทำให้ JAS อาจจำเป็นต้องกู้เงินเพิ่มจากสถาบันการเงิน รีไฟแนนซ์ หรือแม้แต่เพิ่มทุน เพื่อให้มีกระแสเงินสดเพียงพอต่อการชำระหนี้
ทั้งนี้กองทุน JASIF จะได้รับประโยชน์ของการเปลี่ยนผู้สนับสนุนที่มีความแข็งแกร่งทางการเงิน และ ผู้เช่าที่มีความสามารถในการชำระค่าเช่าดีกว่า ซึ่งจะลดความเสี่ยงในการได้รับชำระค่าเช่าของกองทุน และจากการที่ AIS มีการปรับปรุงเงื่อนไข 2 ครั้ง เพื่อให้กองทุน JASIF มีกระแสเงินสดรับระหว่างปี 2566-2570 ใกล้เคียงกับสัญญาปัจจุบันมากยิ่งขึ้น ทำให้ผู้ถือหน่วยลงทุนที่ต้องการกระแสเงินสดในระยะสั้น ได้รับผลกระทบน้อยลงหากมีมติอนุมัติ
โดยสรุปที่ปรึกษาการเงินอิสระเห็นควรว่าผู้ถือหน่วย JASIF ควรอนุมัติ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp