มิติหุ้น – นายผยง ศรีวณิช กรรมการผู้จัดการใหญ่ ธนาคารกรุงไทย เปิดเผยว่า จากการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของคณะกรรมการนโยบายการเงิน (กนง.) ครั้งที่ 2 ของปี 2565 อีก 0.25% ต่อปี ถือเป็นเครื่องมือหนึ่งของธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.)ในการดูแลเงินเฟ้อให้กลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายและรักษาเสถียรภาพด้านราคาและเศรษฐกิจในระยะยาว ธนาคารกรุงไทย ยึดมั่นพันธกิจ “กรุงไทย เคียงข้างไทย สู่ความยั่งยืน” ตระหนักถึงผลกระทบต่อลูกค้าที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์โควิด-19 โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบาง จึงใช้แนวทางการปรับอัตราดอกเบี้ยแบบค่อยเป็นค่อยไปสอดคล้องกับนโยบายของธปท. และพร้อมดูแลช่วยเหลือลูกค้าให้ปรับตัวได้อย่างราบรื่น
ธนาคารประกาศปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเงินฝากประจำระหว่าง 0.15% – 0.825% ต่อปี สำหรับเงินฝากประจำ 24 เดือน และ 36 เดือน เพิ่มขึ้นสูงสุด 0.825% ต่อปี เป็น 1.20% ต่อปี เพื่อดูแลผู้ฝากเงินให้มีรายได้เพิ่มขึ้น และส่งเสริมการออมในระยะยาว เพื่อเสริมสร้างเงินออมที่มีความมั่นคง ในภาวะที่เศรษฐกิจยังเผชิญความท้าทายรอบด้าน
พร้อมคงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้รายย่อย (MRR) โดยปรับขึ้นเฉพาะอัตราดอกเบี้ยเงินกู้สำหรับลูกค้า รายใหญ่ชั้นดี (MLR) 0.25% ต่อปี เป็น 5.50% ต่อปี และอัตราดอกเบี้ยสำหรับลูกค้ารายใหญ่ชั้นดี ประเภทวงเงินเบิกเกินบัญชี (MOR) 0.25% ต่อปี เป็น 6.07% ต่อปี มีผลตั้งแต่วันที่ 4 ตุลาคม 2565 เป็นต้นไป ซึ่งหลังการปรับขึ้นครั้งนี้ อัตราดอกเบี้ย MLR และ MOR ของธนาคารยังอยู่ในระดับต่ำที่สุดเมื่อเทียบกับกลุ่มธนาคารพาณิชย์ขนาดใหญ่
“ธนาคารได้พิจารณาอย่างรอบคอบ โดยตรึงอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อสำหรับรายย่อย เนื่องจากคำนึงถึงผลกระทบที่จะเกิดขึ้นกับลูกค้า โดยเฉพาะกลุ่มเปราะบางที่รายได้ยังไม่กลับมาปกติ ลูกค้ารายย่อย และผู้ประกอบการรายเล็ก ให้สามารถฟื้นตัวได้ในสถานการณ์เศรษฐกิจปัจจุบัน”
@mitihoonwealth