เปิดวิชั่น! เลือดใหม่อสังหาฯ “กฤช พรหมสุทธิ” ฉีกกรอบข้อจำกัดลุยตลาดบ้านภายใต้ชื่อ “แอสติม่า แอสเสท”

113

มิติหุ้น  –  คลื่นลูกใหม่อสังหาฯ “กฤช พรหมสุทธิ” ฉีกกรอบข้อจำกัด ลุยธุรกิจที่อยู่อาศัยภายใต้ชื่อบริษัท “แอสติม่า แอสเสท” หวังเพิ่มมูลค่าแลนด์แบงก์ของครอบครัวควบคู่ไปกับไล่เก็บที่ดินทำเลทองผืนใหม่ผุดโครงการไต่ระดับการเติบโต ล่าสุดเปิดตัวบ้านแฝดโครงการใหม่ “ARKIN วิภาวดี” ภายใต้คอนเซ็ปต์ “REALMS OF ENDLESS POSSIBILITIES” ราคาเริ่ม 12.9 ล้านบาท เจาะกลุ่มลูกค้าผู้บริโภคระดับกลาง-บน เพียงเดือนกว่า คว้ายอดขายรวม 30% จ่อเปิดเพิ่มอีก 2-3 โครงการในปี 2566 โซนกรุงเทพฯ ตอนเหนือและหัวเมืองท่องเที่ยวหลักภูเก็ต พร้อมพุ่งสู่เป้าหมาย 3-5 ปี upscale จากบ้านแนวราบสู่โครงการแนวสูงแบบ Low Rise และพัฒนาอสังหาฯ แบบ Mixed Use

นายกฤช พรหมสุทธิ กรรมการผู้จัดการบริษัท เอสติม่า แอสเสท จำกัด เปิดเผยว่า บริษัทแอสติม่าฯ ก่อตั้งเมื่อปี 2560 เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์ โดยที่ดินที่จะนำมาพัฒนาจะมีทั้งซื้อใหม่และใช้แลนด์แบงก์ของครอบครัวที่ซื้อสะสมไว้หลายแปลงในกรุงเทพฯ ปัจจุบันได้เปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยแล้ว 2 โครงการ โดยโครงการแรกเปิดตัวเมื่อปี 2564 ภายใต้ชื่อ  “อาธาร์ พหลฯ-อารีย์” (ARTHA พหล-อารีย์) จับกลุ่มตลาดผู้บริโภคแบบเฉพาะเจาะจง (Niche Market) และเน้นกลุ่มลูกค้าระดับบนกำลังซื้อสูง

โครงการ อาธาร์ พหลฯ-อารีย์ (ARTHA พหล – อารีย์) ตั้งอยู่ในซอยพหลโยธิน 14 บนเนื้อที่ดิน 182 ตารางวาพัฒนาเป็นบ้านเดี่ยวหรูขนาดใหญ่ 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 3 หลัง แต่ละหลังสร้างบนที่ดินเริ่มต้น 56.3 ตารางวา (ตร.ว.) มีพื้นที่ใช้สอยกว่า 570 ตร.ม. ระบบประตูเปิด-ปิดหน้าบ้านแบบอัตโนมัติ พร้อมรีโมททุกหลัง มีสระว่ายน้ำและลิฟต์โดยสารทุกหลัง ยี่ห้อ Mitsubishi  และจอดรถได้ 4 คัน ตัวบ้านออกแบบในสไตล์  “Mid-Century Modern” ให้ความอบอุ่นเรียบง่าย เหมาะทั้งเป็นที่อยู่อาศัยและเป็น Home Office ได้ในตัว เดินทางรถยนต์ส่วนตัวก็เข้า-ออกได้สะดวกลัดเลาะเชื่อมออกได้หลายซอย จะนั่งรถไฟฟ้าก็สะดวกรวดเร็วเพราะที่ตั้งโครงการอยู่ใกล้ BTS ทั้งสถานีอารีย์ และ BTS สถานีสะพานควาย และยังอยู่ใกล้สถานที่สำคัญอื่นๆ ราคาขายเริ่มที่ 44-62 ล้านบาท ขณะนี้เหลืออยู่เพียง 1 หลังเป็นบ้านตัวอย่าง Fully-Furnished selected masterpiece by Euro Creation ซึ่งตั้งเป้าจะขายและโอนกรรมสิทธิ์ให้ลูกค้าภายในสิ้นปี 2565

ส่วนโครงการที่ 2 เป็นโครงการใหม่เพิ่งเปิด Pre-sales ไปเมื่อเดือน กรกฎาคม 2565 ที่ผ่านมา คือ โครงการ “อาคิน วิภาวดี” (โครงการ ARKIN วิภาวดี) เป็นโครงการที่พัฒนาบนแลนด์แบงก์ของครอบครัวที่ซื้อไว้ในย่านถนนวิภาวดีรังสิต ซอยวิภาวดี 84 บนเนื้อที่โครงการกว่า 5 ไร่ พัฒนาเป็นบ้านแฝด 3 ชั้นครึ่ง จำนวน 32 หลัง ที่ดินบ้านเริ่มต้น 36.7-44.6 ตร.ว. มีพื้นที่ใช้สอย 270 ตร.ม. ฟังก์ชันบ้าน ขนาด 3 ห้องนอน 4 ห้องน้ำ ที่จอดรถ 3 คัน สิ่งอำนวยความสะดวกภายในโครงการ อาทิ Clubhouse, สระว่ายน้ำ, ห้องออกกำลังกาย, สวนสาธารณะ, กล้องวงจรปิด CCTV 40 ตัว รั้วโครงการสูง 6 เมตร มีความเป็นส่วนตัวพร้อมระบบรักษาความปลอดภัยตลอด 24 ชั่วโมง ราคาเริ่ม 12.9 ล้านบาท รวมมูลค่าโครงการประมาณ 420 ล้านบาท

โครงการ ARKIN วิภาวดี พัฒนาภายใต้คอนเซ็ปต์ “REALMS OF ENDLESS POSSIBILITIES : อาณาจักรแห่งความเป็นไปได้ไม่รู้จบ” ทั้งในด้านชีวิตการงานหรือชีวิตส่วนตัว เราเชื่อว่าการสร้างสรรค์ภายใต้แนวคิดที่มุ่งมั่นผ่านปัจจัย 3 อย่าง คือ นวัตกรรม (Innovation), สภาพแวดล้อม (Environment) และสังคม (Co-Living) สามารถเปลี่ยนแปลงชีวิตของคุณและครอบครัวได้อย่างไม่น่าเชื่อ

ทางโครงการ ยังให้ความสำคัญการใช้เวลาในทุกช่วงของชีวิตท่ามกลางธรรมชาติที่อุดมสมบุรณ์และเงียบสงบ “ป่ากลางหมู่บ้าน” ที่เต็มไปด้วยต้นไม้หลากหลายชนิดมากกว่า 6,000 ต้น จากหลากหลายสายพันธุ์ คัดสรรและออกแบบโดยทีม Designer ชั้นนำของประเทศ ของบริษัท Landscape 49 หรือ L49

นอกจากนี้ยังมี Highlights ที่ตอกย้ำแนวคิดอย่างมุ่งมั่นในการดำเนินธุรกิจด้านการพัฒนาที่อยู่อาศัย ที่เชื่อว่า “โครงการ ARKIN วิภาวดี” จะเติมเต็มความสุขให้กับลูกค้า ดังนี้

  • โลเคชั่นดีเยี่ยมห่างจากถนนวิภาวดีเพียง 50 เมตร หน้าปากซอยใกล้ทางขึ้นทางด่วน เข้าเมืองสะดวก ขับรถ 2 กม. ถึงสนามบินดอนเมือง อยู่ใกล้BTS สองสายคือ แดงเข้มและเขียวเข้ม และ STRET อยู่ระหว่างถนน 2 สายหลักของประเทศคือ ถนนวิภาวดี และถนนพหลโยธิน
  • สังคมสุดExclusiveเพียง 32 ครอบครัว เป็นส่วนตัวและปลอดภัย สังคมระดับเดียวกันสามารถช่วยเหลือเกื้อกูล เป็นเพื่อนบ้านที่ดีต่อกัน
  • นวัตกรรมSmart Homeทั้งหลัง พร้อมด้วยระบบ AQC (Air Quality Control) สร้างประโยชน์ให้คุณใน 4 ด้านคือ 1. สุขภาพ 2. ปลอดภัย 3. สะดวกสบาย 4. ประหยัดค่าใช้จ่าย ยกระดับคุณภาพชีวิต ตอบโจทย์ Life Style คนรุ่นใหม่
  • Designเรียบง่าย โปร่ง โล่ง กว้าง ที่ตอบโจทย์ Lifestyle คนรุ่นใหม่ ไม่ว่าจะเป็น ห้อง Flexible Semi Outdoor Living Space หรือ Private Penthouse สำหรับห้อง Master Bedroom การออกแบบExterior ที่ดู Ultra Modern ในคอนเซ็ปต์ “Simple, but not Simple” เรียบหรู แต่มีรายละเอียด ไม่เหมือนใคร สะท้อนความเป็นตัวตนเจ้าของบ้านได้อย่างชัดเจน

ทั้งนี้ ในช่วงเปิด Pre-sales ทำยอดขายรวมไปแล้วกว่า 30% กลุ่มลูกค้าผู้บริโภคที่ซื้อมีรายได้ต่อเดือนอยู่ที่ 2-3 แสนบาท มีทั้งเป็นกลุ่มเจ้าของธุรกิจ, กลุ่ม Young Family หากเป็นพนักงานบริษัทก็เป็นระดับ Manager หรือ เป็นผู้บริหารระดับกลางขึ้นไป นอกจากนี้ยังมีกลุ่มพ่อแม่ซื้อบ้านไว้ให้ลูก เป็นต้น โดยบริษัทฯ ตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 50%  หรือประมาณ 16 หลังภายในสิ้นปี 2565 สำหรับผู้ที่สนใจสามารถเข้าไปดูรายละเอียดได้ที่ https://aestimaasset.com/arkin หรือโทรสอบถามเพิ่มเติมได้ที่ฝ่ายการตลาดเบอร์โทร 096-696-5159

สำหรับแผนการพัฒนาโครงการอสังหาริมทรัพย์นั้น นายกฤช กล่าวว่าในเบื้องต้นได้แผนการดำเนินงานที่วางไว้คร่าว ๆทั้งระยะสั้น และระยะกลาง ถึงระยะยาว กล่าวคือ ระยะสั้นในช่วง 1-2 ปีนี้ (ปี 2565-66) การเปิดตัวโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ จะเน้นโครงการขนาดเล็กบนที่ดินไม่เกิน 10 ไร่ มูลค่าในการพัฒนาต่อโครงการไม่เกิน 400-500 ล้านบาท ส่วนแผนงานระยะกลางถึงระยะยาวช่วง 3-5 ปีขึ้นไป (นับตั้งแต่ปี 2567 เป็นต้นไป) ขนาดของโครงการ อาจจะใหญ่ขึ้นทั้งในแง่มูลค่าและขนาดของที่ดินที่จะนำมาพัฒนา รวมถึงรูปแบบการพัฒนาก็จะขยายจากที่อยู่อาศัยแนวราบมาสู่ที่อยู่อาศัยแนวสูงประเภทคอนโดมิเนียม Low Rise และพัฒนาอสังหาฯ แบบ Mixed Use

โดยได้วางแผนเปิดโครงการที่อยู่อาศัยใหม่ในปี 2566 แล้ว 2-3 โครงการระดับราคาขายอยู่ที่ 7-15 ล้านบาท มูลค่าโครงการรวมกว่า 1,000 ล้านบาท โดย 2 โครงการแรกเป็น “แลนด์แบงก์” ของครอบครัว คือ ที่ดินย่านลำลูกกา เนื้อที่ 5 ไร่และ ย่านพหลโยธิน เนื้อที่ 12 ไร่ ส่วนอีก 1 โครงการจะอยู่ที่ภูเก็ต ซึ่งขณะนี้อยู่ระหว่างพิจารณาซื้อที่ดิน

สาเหตุที่จับตลาดที่อยู่อาศัยเซ็กเมนต์ราคาเริ่ม 7-15 ล้านบาท เพราะมีความเสี่ยงค่อนข้างต่ำเมื่อเทียบกับกลุ่มบ้านเซ็กเมนต์ที่ระดับต่ำกว่า 3-5 ล้านบาท ซึ่งลูกค้ากลุ่มนี้ค่อนข้างอ่อนไหวต่อสภาพเศรษฐกิจ ขณะที่กลุ่มที่มีขีดความสามารถซื้อบ้านในราคาเริ่มต้นที่ 7 ล้านบาทอัพได้นั้น ค่อนข้างที่จะประสบความเสร็จด้านอาชีพ การทำงาน หรือมีรายได้ที่มั่นคงแล้วในระดับหนึ่ง ส่วนที่คิดจะขยายการลงทุนไปที่ภูเก็ต เพราะมองว่า ภูเก็ตเป็นเมืองท่องเที่ยวที่น่าลงทุนและเป็นจุดหมายปลายทางหนึ่งของนักท่องเที่ยวทั่วโลก ซึ่งขณะนี้นี้นักท่องเที่ยวเริ่มกลับมาแล้ว แม้จะยังไม่คึกคักเมื่อเทียบกับช่วงก่อนที่จะมีการแพร่ระบาดของโควิด-19 ก็ตาม

“ ผมยอมรับว่าวิกฤติต่างๆ ที่เกิดขึ้นทั้งจากภายนอกและภายในประเทศ ได้สร้างความกังวลและท้าทาย แต่ผมขอมองบวกทุกวิกฤติ มีโอกาสเสมอ และทุกความท้าทายมีโอกาสในการพัฒนาให้เติบโตอย่างยั่งยืนได้ เราเป็นบริษัทอสังหาฯ ขนาดเล็ก ที่มีความเชื่อและแนวคิดที่แตกต่าง พร้อมที่จะสรรหาและพัฒนาโปรดักส์ใหม่ๆ ที่เราคิดว่าจะสามารถช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของลูกค้าเราได้จริงมานำเสนอ เพราะเราเชื่อในการไม่หยุดนิ่ง และการเรียนรู้ ปรับปรุง และก้าวไปข้างหน้าเสมอ นี่คือที่มาของ Slogan บริษัทเรา ‘Create What’s Next’ ”นายกฤชกล่าวทิ้งท้าย

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp