หลักทรัพย์เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ (SBITO) ชี้ภาพรวมการลงทุนตลาดหุ้นไทยไตรมาส 4 มีแนวโน้มเติบโต หลังไทยเริ่มเดินหน้าเศรษฐกิจเต็มรูปแบบด้วย 2 กลไกหลัก ‘ท่องเที่ยว ส่งออก’ ที่ส่งสัญญาณบวกชัดเจนหลังโควิด-19 เริ่มคลี่คลาย

233

มิติหุ้น  –  มร.คาซึนาริ โอกาวะ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัทหลักทรัพย์ เอสบีไอ ไทย ออนไลน์ จำกัด หรือ SBITO (สะไบโตะ) เปิดเผยถึงแนวโน้มการลงทุนในตลาดหุ้นโลกในช่วงที่ผ่านมาว่า แม้ผลกระทบของโควิด-19 จะลดลง แต่ก็ปฏิเสธไม่ได้ว่ายังมีปัจจัยอื่นๆ ที่ยังคงส่งผลกระทบ อาทิ กรณีความขัดแย้งระหว่างรัสเซียและยูเครน รวมถึงภาวะเงินเฟ้อที่ทั่วโลกต่างต้องเผชิญ รวมถึงความไม่แน่นอนในตลาดต่างประเทศโดยเฉพาะในสหรัฐอเมริกา และปัจจัยอื่นๆ อีกมาก ทำให้หลายประเทศต่างปรับนโยบายเพื่อรับมือกับความผันผวนของตลาด ส่งผลให้ตั้งแต่ปลายไตรมาส 3 ของปี 2565 เราเริ่มเห็นถึงการเปลี่ยนแปลงของตลาดที่เริ่มปรับตัวในทางบวกเพิ่มขึ้น และเชื่อว่าจะยังสถานะดังกล่าวต่อไปในระยะยาว โดย SBITO คาดการณ์ว่าในปี 2566 ภาพรวมตลาดหุ้นไทยจะขยับตัวทางบวกเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เนื่องจากปัจจัยพื้นฐานทางเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวขึ้นหลังจากได้รับผลกระทบในช่วง 2 ปีที่ผ่านมา บริษัทในตลาดจะเริ่มกลับมาดำเนินธุรกิจได้ตามปกติ ส่งผลให้ผลประกอบการเริ่มดีขึ้น  นักลงทุนรายย่อยสามารถวิเคราะห์ประสิทธิภาพของบริษัทต่างๆ ในตลาดได้ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งจะส่งผลต่อการตัดสินใจลงทุนซื้อขายหุ้นในตลาดเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน

ด้านแนวโน้มภาพรวมของตลาดหุ้นไทยในไตรมาส 4 ของปี 2565 มร.คาซึนาริ แสดงความเห็นต่อประเด็นดังกล่าวว่า “หลังจากไทยเริ่มเดินหน้าปลดล็อกข้อจำกัดและผลกระทบต่างๆ ที่เกิดขึ้นจากโควิด-19  ทำให้สามารถกลับมาขับเคลื่อนเศรษฐกิจได้อย่างเต็มศักยภาพอีกครั้ง เมื่อเศรษฐกิจและปัจจัยพื้นฐานภายในประเทศเริ่มดีขึ้น ก็จะส่งผลดีต่อตลาดหุ้นเช่นกัน SBITO คาดว่านักลงทุนจำนวนมากจะค่อยๆ กลับมาลงทุนในตลาดหุ้นไทยเพิ่มขึ้นอย่างแน่นอน”

ส่วนมุมมองของต่างชาติต่อศักยภาพเศรษฐกิจของไทยในปี 2566 นั้น พบว่า ประเทศไทยยังเป็นประเทศที่มีศักยภาพในการลงทุนที่ดี มีความแข็งแกร่งในฐานะฐานการผลิตของโลกที่มีแรงงานฝีมือด้านต่างๆ อยู่เป็นจำนวนมาก รวมถึงการส่งเสริมจากภาครัฐในการพัฒนานวัตกรรมเทคโนโลยีเพื่อเสริมศักยภาพด้านการผลิตและผ่อนปรนมาตรการต่างๆ เพื่อเอื้อต่อการลงทุนโดยมีเป้าหมายเพื่อดึงกลุ่มทุนต่างชาติในเข้ามาลงทุนในไทย ตลอดจนศักยภาพในการเป็นศูนย์กลางธุรกิจท่องเที่ยวและการพักผ่อนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ ทำให้ไทยยังคงเป็นหนึ่งในประเทศที่น่าลงทุนในปัจจุบัน

SBITO เชื่อว่าจากภาพรวมเศรษฐกิจที่เริ่มดีจะส่งผลให้การลงทุนในตลาดหุ้นเริ่มปรับตัวดีขึ้น โดยเฉพาะการซื้อขายหุ้นผ่านออนไลน์ที่ SBITO ยังครองความเป็นผู้นำในตลาดโลกและในไทยก็จะยิ่งเติบโตเพิ่มขึ้นเพราะตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์ของนักลงทุนยุคใหม่ที่หันมาทำธุรกรรมทางการเงินต่างๆ ผ่านโลกออนไลน์ “ปัจจุบันประเทศไทยมีจำนวนบัญชีนักลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตสูงถึง 5,222,983 บัญชี จากบัญชีนักลงทุนตลาดหุ้นทั้งหมด 5,536,637 บัญชี นั่นแสดงให้เห็นว่านักลงทุนตลาดหุ้นเกือบ 100% มีบัญชีซื้อขายหุ้นผ่านทางอินเทอร์เน็ต โดยปัจจุบันคนไทยในทุกช่วงวัยเริ่มหันมาเพิ่มความมั่นคงทางการเงินด้วยการลงทุนในตลาดหุ้น จากกระแสนิยมดังกล่าวทำให้ SBITO เชื่อว่านักลงทุนตลาดหุ้นผ่านระบบอินเทอร์เน็ตในไทยก็จะเพิ่มสูงขึ้นด้วยเช่นกัน ดังเช่นในประเทศญี่ปุ่นที่มีบัญชีซื้อขายหุ้นทางอินเทอร์เน็ตสูงถึง 38 ล้านบัญชีในปัจจุบัน” มร.คาซึนาริ กล่าว

“ตั้งแต่ไตรมาส 4 ของปี 2565 SBITO ในฐานะผู้นำระดับโลกด้านการซื้อขายหุ้นผ่านออนไลน์ จะรุกขยายฐานนักลงทุนใหม่อย่างต่อเนื่องและดูแลนักลงทุนของ SBITO โดยจะเพิ่มช่องทางการเข้าถึงกลุ่มเป้าหมายเพื่อสร้างการรับรู้ผ่านการจัดสัมมนาให้ความรู้แก่นักลงทุนทั้งรูปแบบออนไลน์และออฟไลน์  การขยายสาขาเพิ่มขึ้นเพื่อให้ง่ายต่อการเข้าถึง  ร่วมสนับสนุนกิจกรรมกีฬากับสโมสรนครราชสีมา มาสด้า เอฟซี เพื่อสร้างความรู้จักและความมั่นใจในแบรนด์ รวมทั้งประสานความร่วมมือกับแบรนด์พันธมิตรชั้นแนวหน้าเพื่อมอบประสบการณ์ใหม่แก่นักลงทุนในไทยให้ได้เปิดโลกการลงทุนยุคใหม่ผ่านโลกออนไลน์ พร้อมมอบสิทธิประโยชน์จากการลงทุนเพื่อสร้างความสัมพันธ์กับนักลงทุนของ SBITO ที่ยั่งยืน   ที่สำคัญเรายังคงจุดขายในเรื่องอัตราค่าคอมมิชชั่นในเรทพิเศษ เชื่อว่า SBITO จะดึงดูดนักลงทุนรายใหม่สู่ตลาด โดยตั้งเป้าที่จะสร้างให้ SBITO ก้าวสู่การเป็นบริษัทหลักทรัพย์ออนไลน์สากลที่ได้รับความนิยมมากสุดในประเทศไทย”  มร.คาซึนาริ กล่าวถึงแผนการรุกตลาดในไทยเพื่อก้าวสู่ผู้นำตลาด

 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp