มิติหุ้น – ในปัจจุบัน เกิดวิกฤตเศรษฐกิจต่างๆ ทั่วโลก มากมาย อาทิ สงครามรัสเซีย-ยูเครน, การเร่งตัวของเงินเฟ้อ, การเร่งขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางสหรัฐอเมริกา (FED) และความเสี่ยงเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession) ซึ่งตลาดหุ้นไทย ตอบสนองไปมากแล้ว ขณะที่ปัจจัยในประเทศไทยยังมีทิศทางบวกจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ หลังเปิดประเทศได้แรงหนุนจากภาคบริโภคในประเทศและท่องเที่ยวและการใช้จ่ายของภาครัฐที่ให้ความสำคัญกับการลงทุนมากกว่าเยียวยา
ล่าสุดบทวิจัย บล.เอเซีย พลัส ประเมินการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) ปีนี้ที่ 3.2% ส่วนปี 66 คาด GDP ที่ 3.8% ขณะที่ในมุมกำไรของบริษัทจดทะเบียนยังเติบตัวได้ดี โดยฝ่ายวิจัยประเมิน EPS ปี 65F ที่ 96.1 บาท/หุ้น เติบโต 12% yoy และ EPS ปี 66F ที่ 101.1 บาท/หุ้น เติบโต 5% yoy จึงยังคงประเมินเป้าหมายดัชนีตลาดหุ้นไทยสิ้นปีที่ 1730 จุด ทำนิวไฮในรอบปี
นอกจากนี้เสน่ห์ของตลาดหุ้นไทย ยังมีอีกเรื่องคือ กระแสเงินทุนเคลื่อนย้าย (Fund Flow) โดยพบว่ามีแรงซื้อสุทธิของนักลงทุนต่างชาติ ที่ 4,610 ล้านดอลลาร์สหรัฐ YTD ขณะที่แนวโน้มค่าเงินบาทมีโอกาสชะลอการอ่อนค่าลง กลยุทธ์การลงทุนเน้นหุ้น Domestic หลีกเลี่ยงความผันผวนจากปัจจัยภายนอก จึงแนะนำ 7 หุ้นเด่นที่น่าลงทุนใน Q4/65 ดังนี้
- CENTEL ย้ำ มุมมองบวกเดิม คาดกำไรปกติ Q3/65 เติบโต qoq จากการเข้าช่วงไฮซีซั่น ของโรงแรมไทยและมัลดีฟส์ งบดุลยังเป็นจุดแข็ง จากสัดส่วน IBD/E ณ สิ้น Q2/65 ที่ 0.84 เท่า ต่ำกว่า ERW ที่ 1.69 เท่า และ MINT ที่ 1.61 เท่า ให้ราคาเป้าหมาย 54.00 บาท
- BBL เก่าแต่ขลัง ความต้องการใช้สินเชื่อ โดยเฉพาะสินเชื่อธุรกิจ เติบโตต่อเนื่อง ณ เดือน ส.ค. 65 มีสินเชื่อสุทธิ เพิ่มขึ้น 4.1% mom มีโมเมนตัมต่อเนื่องถึง Q4/65 ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเร็วและแรงกว่า ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) PBV 0.56 เท่า ให้ราคาเป้าหมาย 159.00 บาท
- ASK ธุรกิจหลักโตต่อเนื่องใน 2-3 ปีข้างหน้า ตั้งเป้าสินเชื่อสุทธิปี 65 – 66 เติบโต 20% ต่อปี จากแนวโน้มความต้องการใช้รถบรรทุกที่โตต่อเนื่องตามการฟื้นตัวของเศรษฐกิจ คาดกำไรสุทธิปีนี้ โต 23.2% yoy และมอง ปี 66 เติบโต 14.7% yoy ให้ราคาเป้าหมาย 43.00 บาท
- HMPRO ภาพกำไรที่จะทำ All Time High ในปีนี้ คาดกำไรสุทธิ Q3/65 โตแรง 69.3% yoy จากรายได้ที่เพิ่มขึ้นของเติบโตของยอดขายสาขาเดิม (SSSG) รวมถึงขยายสาขาเพิ่ม แนวโน้มกำไรทั้งปี 65 เติบโตดี 18.2% yoy ที่ 6.4 พันลบ. และเติบโตเพิ่มขึ้นอีก 12.7% yoy เป็น 7.2 พันลบ. ในปี 66 ให้ราคาเป้าหมาย 17.20 บาท
- ADVANC คาดหวังการฟื้นตัวใน Q4/65 เป็นต้นไป จากผลบวกตามฤดูกาล กำลังซื้อที่คาดจะดีขึ้นจากนโยบายกระตุ้นของภาครัฐและการขึ้นค่าแรงขั้นต่ำ การเข้าซื้อหุ้นกลุ่ม TTTBB และเข้าถือหุ้น 19% ใน JASIF คาดปันผลสำหรับปี 65-66 ยังจูงใจที่ 3.9% ให้ราคาเป้าหมาย 236.00 บาท
- BEM THE WINNER หลังการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ประกาศให้ BEM เป็นผู้ชนะประมูลโครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม โดยเสนอผลประโยชน์สุทธิให้แก่ รฟม.ดีที่สุด คิดเป็น NPV -7.8 หมื่นลบ. คาดเปิดให้บริการรถไฟฟ้าสายสีส้มส่วนตะวันออก ภายใน ปี 68 และส่วนตะวันตก ภายใน ปี 70 ให้ราคาเป้าหมาย 12.00 บาท
- GULF มีแรงขับเคลื่อนกำไรให้เติบโตโดดเด่นสุดในกลุ่มฯ ยังมีงานในมือ (Backlog) กว่า 4.3 MWE ที่จะทยอยกำหนดการจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ไปถึงปี 70 คาดกำไรปกติปี 65 เติบโต 86.5% yoy ราว 1.4 หมื่นลบ. ให้ราคาเป้าหมาย 65.50 บาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp