JASIF แจงผู้ถือหน่วยยิบ ชี้จุดแข็งAISเข้าถือหุ้น

422

 

มิติหุ้น-เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2565 บลจ.บัวหลวง ในฐานะผู้จัดการกองทุน JASIF ได้จัดการจัดประชุมผู้ถือหน่วยลงทุนก่อนการประชุมวิสามัญผู้ถือหน่วยลงทุน ครั้งที่ 1/2565 (Pre E-EGM) เพื่อชี้แจงรายละเอียดแก่นักลงทุนผู้ถือหน่วยฯ ซึ่งมีผู้เข้าร่วมประชุมกว่า 150 ราย จากจำนวนผู้ถือหน่วยฯทั้งหมดกว่า 50,000 ราย ซึ่งหนึ่งในข้อกังวลของนักลงทุนรายย่อยคือการเปรียบเทียบเงินปันผลรับรวมระหว่างสัญญาเดิมและสัญญาใหม่มีความเหมาะสมหรือไม่ โดยนักลงทุนที่มาประชุมเชื่อว่า JASIF ภายใต้ JAS จะมีการต่อสัญญาไปอีก 10 ปี

JASIF โอกาสต่อสัญญาริบหรี่ เหตุแข่งขันยาก ค่าใช้จ่ายในการลากสายใหม่ใกล้เคียงกับค่าเช่าเพียงแค่ 1 ปี

ทั้งนี้ เงื่อนไขในการต่อสัญญาเดิมกับ TTTBB ถือว่าเป็นไปได้ยากมาก  เพราะการใช้งานโครงข่าย JASIF มีเงื่อนไขชัดเจนคือ TTTBB ต้องมีรายได้มากกว่า 40,000 ล้านบาท ณ วันที่สิ้นสุดสัญญา ปี 2575 รายได้ระดับนี้ถือว่ายากมาก หากนับจากรายได้ ณ สิ้นปี 2564 มีรายได้เพียง 18,000 ล้านบาท ทำให้ต้องการการเติบโตกว่า 10.20% ต่อปีจนถึงปี 2575 แต่หากพิจารณาย้อนหลัง 4 ปีที่ผ่านมา 3BB  สามารถเติบโตเฉลี่ยเพียง 1.40% ต่อปีเท่านั้น ซึ่งต่ำกว่าการเติบโตของตลาดบรอดแบนด์อินเทอร์เน็ต ที่มีการเติบโตได้กว่าปีละ 9.9% ต่อปี

ปัจจัยหลักที่ทำให้ 3BB มีการเติบโตที่น้อยกว่าตลาดโดยรวม เป็นผลมาจากการที่ผู้ให้บริการบรอดแบนด์รายอื่นๆ ล้วนแล้วแต่มีบริการแบบครบวงจร คือ การให้บริการทั้งโทรศัพท์เคลื่อนที่ร่วมกับอินเทอร์เน็ตบ้านความเร็วสูง และบริการอื่นๆ เช่น ด้านความบันเทิงหรือวิดิโอแพลตฟอร์ม ประกอบกันการแข่งขันด้านราคา ซึ่งทำให้การเติบโตด้านรายได้ของ 3BB ยิ่งอยู่ในสถานการณ์ที่แย่ลงอย่างต่อเนื่อง

นอกจากนั้น หากพิจารณาระหว่างความคุ้มค่าในการต่อสัญญา ซึ่งมีค่าเช่าปีละกว่า 10,000 ล้านบาท (หากรวมสัญญาประกันรายได้) และการลากสายใหม่ ซึ่ง IFA ได้ประมาณการณ์ค่าใช้จ่ายในการลากสายใหม่อยู่ที่ประมาณ 11,800 ล้านบาท ด้วยระยะเวลาการลากสายที่ 18-24 เดือน และเมื่อพิจารณาจากอัตราความคุ้มทุนในการลากสายใหม่เทียบกับค่าเช่าปัจจุบันที่อยู่ประมาณ 1.1 ปีเท่านั้น ก็น่าจะเป็นปัจจัยที่ทำให้ TTTBB จะไม่ต่อสัญญากับ JASIF ยกเว้นจะสามารถจะเจรจาในอัตราค่าเช่าที่เหมาะสมได้

สัญญาใหม่ดันเงินปันผลเพิ่ม 20%

เมื่อพิจารณาระยะของสัญญาทั้งสัญญาเดิมที่จะสิ้นสุดปี 2575 และสัญญาใหม่ที่จะสิ้นสุดปี 2580 เงินปันผลรับรวมจะเพิ่มขึ้นจาก 7.8 บาทต่อหุ้น เป็น 9.2 บาทต่อหุ้น หรือเพิ่มขึ้น 20% ร่วมกับการได้รับสปอนเซอร์ใหม่ AIS ที่จะมาลดความเสี่ยงของกองทุน และเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันจากบริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ และบริการด้านความบันเทิงต่างๆ ที่จะมาเสริมความแข็งแกร่งให้แก่ 3BB

นักวิเคราะห์ชี้ เปลี่ยนสปอนเซอร์ใหม่แข่งขันง่ายขึ้น อนาคตมีอัพไซด์จากการขายสินทรัพย์เข้ากองทุน

ด้านนักวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ ดีบีเอส วิคเคอร์ส ( ประเทศไทย ) จำกัด ชี้ชัดการเปลี่ยนสปอนเซอร์เป็น AIS ช่วยกำจัดความเสี่ยงด้านเครดิตกองทุน หาก AIS ต้องการระดมทุนเพื่อลงทุนในคลื่นความถี่หรือขยายโครงข่าย จะเพิ่มโอกาสในการขายสินทรัพย์เข้า JASIF ทำให้ผลตอบแทนกองทุนเพิ่มขึ้นได้ในอนาคต ซึ่งจะทดแทนการลดลงของเงินปันผลในระยะสั้นได้

 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp