วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

141

ราคาน้ำมันดิบปรับลดลงหลังตลาดจับตาการประกาศขาย SPR สหรัฐฯและการชะลอการประกาศจีดีพีจีน

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

–  ราคาน้ำมันดิบปรับลดลง หลังจากสหรัฐฯ จะประกาศแผนการขายน้ำมันในคลังสำรองทางยุทธศาสตร์ (SPR) สำหรับส่วนที่เหลืออีก 14 ล้านบาร์เรล จากทั้งหมด 180 ล้านบาร์เรลตามแผนที่จะสิ้นสุดในปีนี้ เพื่อชะลอราคาน้ำมันที่เพิ่มสูงขึ้นในช่วงที่ผ่านมา นอกจากนี้อาจมีการพิจารณาขายเพิ่มอีก 26 ล้านบาร์เรล สำหรับรอบแผนงบประมาณปี 2566 (เริ่มตั้งแต่ 1 ต.ค. 65 – 30 ก.ย. 66)

– สำนักงานสถิติแห่งชาติของจีน (NBS)  เลื่อนการประกาศตัวเลขทางเศรษฐกิจที่สำคัญ รวมถึงจีดีพีไตรมาส 3/65 ออกไปจากเดิม (18 ต.ค.) โดยตลาดคาดว่าการล่าช้าสืบเนื่องมาจากการประชุมสมัชชาใหญ่พรรคคอมมิวนิสต์จีนที่จัดขึ้นอยู่ในตอนนี้ และคาดตัวเลขสำคัญต่างๆ ส่งสัญญาณฟื้นตัว อย่างไรก็ตาม รอยเตอร์คาดจีดีพีจีนจะยังคงเติบโตเพียง 3.4% ซึ่งเป็นผลกระทบจากมาตรการปลอดโควิดที่ยังคงคุมเข้มอยู่ตลอดหลายเดือนที่ผ่าน

– สำนักงานสารสนเทศด้านพลังงานสหรัฐฯ (EIA) เผยคาดการณ์การผลิตน้ำมันดิบ (Shale oil) สหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับเพิ่มขึ้น 0.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน สู่ระดับ 9.1 ล้านบาร์เรลต่อวันในเดือนพ.ย. นี้ สูงสุดนับตั้งแต่เดือนมี.ค. 63 โดยน้ำมันดิบจากแหล่ง Permian จะเพิ่มแตะระดับสูงสุดในประวัติการณ์ที่ 5.45 ล้านบาร์เรลต่อวัน

ราคาน้ำมันเบนซิน – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปสงค์น้ำมันเบนซินในเวียดนามปรับตัวเพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากาการส่งออกของเกาหลีใต้และไต้หวัน เนื่องจากกำลังการผลิตเริ่มกลับขึ้นมา หลังจากที่หยุดซ่อมบำรุงไปในช่วงก่อนหน้า

ราคาน้ำมันดีเซล – ปรับตัวเพิ่มขึ้นสวนทางกับราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานฝั่งตะวันตกยังคงตึงตัวจากผลกระทบของการนัดหยุดงานที่โรงกลั่นในฝรั่งเศส อย่างไรก็ตาม อุปทานมีแนวโน้มเพิ่มขึ้นจากโควต้าการส่งออกของจีนรอบใหม่

 

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp