FTREIT แชมป์กองทรัสต์เพื่ออุตสาหกรรมของประเทศ โชว์ผลงานปีงบ 65 กำไรทะลุ 2,500 ล้าน โต 6.2% ใจป้ำจ่ายปันผลเพิ่มอีก 0.1870 บาท มั่นใจปี 66 รายได้โตต่อเนื่อง พร้อมจ่อลงทุนอีก 3,500 ล้าน

45

มิติหุ้น  –  นายธนะรัชต์ บุญญะโกศล กรรมการผู้จัดการ บริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ อินดัสเทรียล รีท แมนเนจเม้นท์ (ประเทศไทย) จำกัด หรือ “FIRM” ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ของทรัสต์เพื่อการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์และสิทธิการเช่าอสังหาริมทรัพย์เพื่ออุตสาหกรรม เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ หรือ “FTREIT” เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงาน FTREIT ประจำปีงบการเงิน 2565 (ตุลาคม 2564 – กันยายน 2565) มีรายได้รวมอยู่ที่ 3,645.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 228.3 ล้านบาท หรือคิดเป็น 6.7เมื่อเทียบกับปีก่อนหน้า และมีกำไรจากการลงทุนสุทธิ 2,518.9 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 147.9 ล้านบาท หรือ 6.2% โดยมีปัจจัยหลักมาจากอัตราการเช่าเฉลี่ย (Average Occupancy Rate) ที่สูงขึ้น และจำนวนทรัพย์สินลงทุนในปีที่ผ่านมาสร้างรายได้ที่มั่นคงให้แก่กองทรัสต์

ในช่วงครึ่งหลังปีงบการเงิน 2565 แม้ว่าเศรษฐกิจไทยจะประสบปัญหาภาวะเงินเฟ้อกดดันกำลังซื้อและการบริโภค รวมถึงกระทบต้นทุนและการลงทุนของภาคธุรกิจในประเทศ แต่เริ่มมีแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยวและบริการ ที่ส่งเสริมธุรกิจค้าปลีกและอีคอมเมิร์ซให้ดียิ่งขึ้น เมื่อรวมกับอานิสงส์จากปัญหาการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน (Supply Chain Disruption) จากภาคโลจิสติกส์ในช่วงต้นปีที่เพิ่มความต้องการเช่าคลังสินค้ามากขึ้น ส่งผลให้อัตราการเช่าเฉลี่ย ของกองทรัสต์สามารถปรับตัวเพิ่มขึ้นจากปีก่อนมาอยู่ที่ 86.4% ซึ่งเป็นผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นอย่างต่อเนื่อง” นายธนะรัชต์ กล่าว

จากผลการดำเนินงานที่เติบโตดังกล่าว FTREIT เตรียมจ่ายผลประโยชน์ตอบแทนประจำไตรมาสที่4/2565 ในอัตรา 0.1870 บาทต่อหน่วยทรัสต์ โดยขึ้นเครื่องหมาย XD ในวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565 กำหนดรายชื่อผู้ถือหุ้นที่มีสิทธิ์ได้รับเงินปันผล (Record Date) ในวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 และกำหนดจ่ายในวันที่ ธันวาคม 2565 ทำให้ตลอดปีงบการเงิน 2565 FTREIT จ่ายผลตอบแทนให้แก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์รวม 0.7070 บาทต่อหน่วย

ปัจจุบัน ทรัพย์สินภายใต้การบริหารจัดการของกองทรัสต์ FTREIT ประกอบด้วยอาคารโรงงานและคลังสินค้ารวม 668 ยูนิต บนพื้นที่ให้เช่ารวม 2.13 ล้านตารางเมตร ส่งผลให้กองทรัสต์ FTREIT เป็นกองทรัสต์อุตสาหกรรมที่มีขนาดพื้นที่ให้เช่าสุทธิใหญ่ที่สุด และมีสัดส่วนพื้นที่ Freehold สูงที่สุดในประเทศไทย โดยทุกโครงการตั้งอยู่ในทำเลยุทธศาสตร์ด้านอุตสาหกรรมและโลจิสติกส์ของประเทศ ได้แก่ กรุงเทพฯ อยุธยา ปทุมธานี สมุทรปราการ ปราจีนบุรี และจังหวัดในพื้นที่เขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (อีอีซี) 

นายธนะรัชต์ กล่าวอีกว่า สำหรับปี 2566 คาดการณ์ว่า ภาพรวมเศรษฐกิจมีแนวโน้มจะเริ่มฟื้นตัวอย่างชัดเจน แรงขับเคลื่อนจะมาจากการใช้จ่ายภายในประเทศ ทั้งการบริโภค การลงทุน และการท่องเที่ยวสำหรับภาคการลงทุน คาดว่าจะเห็นภาพการย้ายฐานการลงทุน หรือการขยายฐานการผลิตของนักลงทุนต่างชาติมายังประเทศไทยมากขึ้น โดยเฉพาะในกลุ่มอุตสาหกรรมยานยนต์ และอิเล็กทรอนิกส์ ซึ่งเป็นปัจจัยบวก หนุนธุรกิจของ FTREIT อย่างไรก็ตามยังมีอุปสรรคและความท้าทายจากรอบด้านที่จะต้องเผชิญ  

ในปีงบการเงิน 2566 (ตุลาคม 2565-กันยายน 2566FTREIT มีเป้าหมายการลงทุนในอาคารอุตสาหกรรมเพิ่มเติมอีกกว่า 3,500 ล้านบาท มุ่งเน้นลงทุนในทรัพย์สินที่มีศักยภาพสูงทั้งจากในกลุ่มและนอกกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) โดยให้ความสำคัญด้านทำเลที่ตั้ง ตัวอาคารที่ผ่านการรับรองมาตรฐานระดับสากลและมาตรฐานอาคารเขียว รองรับความต้องการด้านพื้นที่เช่าอาคารอุตสาหกรรมที่ได้มาตรฐาน ทั้งอาคารโรงงานและคลังสินค้า ซึ่งมีแนวโน้มปรับตัวดีขึ้นอย่างต่อเนื่องในปีหน้า เนื่องจากภาครัฐมีนโยบายสนับสนุนและส่งเสริมให้นักลงทุนต่างชาติเข้ามาลงทุนในประเทศ เพื่อผลักดันให้ไทยเป็นศูนย์กลางการลงทุนของภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ 

FIRM ในฐานะผู้จัดการกองทรัสต์ จะยังคงเฝ้าติดตามสถานการณ์ที่อาจส่งผลต่อผลการดำเนินงานอย่างใกล้ชิด และเดินหน้าบริหารงานเชิงรุก พร้อมมองหาโอกาสในการเข้าลงทุนในทรัพย์สินศักยภาพสูงจากกลุ่มบริษัท เฟรเซอร์ส พร็อพเพอร์ตี้ (ประเทศไทย) และบุคคลนอกกลุ่ม เพื่อสร้างการเติบโตให้แก่กองทรัสต์ ตลอดจนสร้างผลประโยชน์ตอบแทนที่มั่นคงและยั่งยืนแก่ผู้ถือหน่วยทรัสต์ FTREIT” นายธนะรัชต์ กล่าวเสริม 

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp