มิติหุ้น – บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้ Sideway ได้แรงหนุนเม็ดเงินต่างชาติไหลเข้า พร้อมแนะจับตาตัวเลข CPI สหรัฐ และการปรับขึ้นดอกเบี้ยของเฟดอีกรอบในการประชุมครั้งสุดท้ายของปีในวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนี 1,600-1,650 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากมาตรการกระตุ้นรถ EV ที่เตรียมเสนอเข้าที่ประชุม ครม. พ.ย. นี้ พร้อมชู 4 หุ้นเด่น EA-NEX-BYD–GPSC น่าลงทุน
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยในสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัว Sideway โดยยังมีแรงหนุนจากทิศทาง Fund Flow ของนักลงทุนต่างชาติที่ไหลเข้าต่อเนื่อง ขณะที่นักลงทุนยังจับตาตัวเลข CPI ที่จะแสดงถึงทิศทางเงินเฟ้อสหรัฐในวันที่ 10 พ.ย.นี้ หลังจากมีการรายงานตัวเลขการจ้างงานนอกภาคเกษตรเพิ่มขึ้น 261,000 ตำแหน่งในเดือนต.ค. สูงกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ที่ระดับ 200,000 ตำแหน่ง แต่ก็ชะลอตัวจากระดับ 315,000 ตำแหน่งในเดือนก.ย. ขณะที่อัตราว่างงานเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 3.7% จากระดับ 3.5% ในเดือนก.ย.
ทั้งนี้ทาง Fed Watch Tool ของ CME Group ได้มีการส่งสัญญาณว่า นักลงทุนให้น้ำหนักราว 62% ที่เฟดจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.50% ในการประชุมวันที่ 13-14 ธ.ค.นี้อีกครั้ง หลังจากที่ก่อนหน้านี้ นักลงทุนให้น้ำหนักเพียง 51.5% ก่อนการเปิดเผยตัวเลขจ้างงาน
ขณะที่ตัวเลข CPI ในประเทศหลังกระทรวงพาณิชย์รายงานว่าตัวเลขออกมาบ่งชี้ถึงอัตราเงินเฟ้อทั่วไปในเดือนต.ค.65 เพิ่มขึ้น 5.98%YoY ชะลอตัวต่อเนื่องติดต่อกัน 2 เดือน ส่งผลให้อัตราเงินเฟ้อเฉลี่ย 10 เดือนแรกของปีนี้ (ม.ค.-ต.ค.) เพิ่มขึ้น 6.15%YoY โดยคาดว่าอัตราเงินเฟ้อในช่วง 2 เดือนที่เหลือของปีนี้ (พ.ย.-ธ.ค.) ยังมีแนวโน้มชะลอตัว พร้อมทั้งการติดตามการประกาศผลประกอบการของบริษัทจดทะเบียนในงวด 9 เดือนแรกของปีนี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,600-1,650 จุด
ส่วนปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 3 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (ส.อ.ท.) แถลงดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรม วันที่ 18-19 พ.ย. ไทยเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมผู้นำเขตเศรษฐกิจเอเปค ปี 2565 (APEC 2022), สัปดาห์ที่ 4 สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย, (ส.อ.ท.) แถลงยอดการผลิตและส่งออกรถยนต์ รถจักรยานยนต์ และชิ้นส่วนยานยนต์ วันที่ 21 พ.ย. สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) แถลงตัวเลข GDP ไตรมาส 3/65 วันที่ 30 พ.ย. ประชุมกนง. ครั้งที่ 6 ส่วนต่างประเทศ วันที่ 7 พ.ย. จีน รายงานดุลการค้าเดือนต.ค. 8 พ.ย. อียู รายงานยอดค้าปลีกเดือนก.ย. วันที่ 9 พ.ย. จีน รายงานดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค. ดัชนีราคาผู้ผลิต (PPI) เดือนต.ค. สหรัฐ รายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.ย. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 10 พ.ย. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ ดัชนีราคาผู้บริโภค (CPI) เดือนต.ค.และวันที่ 11 พ.ย. สหรัฐ รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคขั้นต้นเดือนพ.ย.
ดังนั้นแนะนำกลยุทธ์การลงทุนแนะนำหุ้นที่ได้ประโยชน์จากเตรียมเสนอ มาตรการอุดหนุน EV เข้า ครม. เดือน พ.ย. นี้ โดยหุ้นที่คาดว่าจะได้ประโยชน์ หาก ครม.มีมติอนุมัติโครงการดังกล่าว ได้แก่ EA, NEX, BYD และ GPSC
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก กล่าวว่าในเดือนพฤศจิกายนยังคงแนะนำจับตาผลการประชุมเฟดซึ่งคาดว่าจะปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายอีก 0.75% เพื่อชะลอเงินเฟ้อ นอกจากนี้เฟดมีโอกาสปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.50% จากที่ก่อนหน้านี้คาดว่าจะปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย 0.75% ในการประชุมเดือน ธ.ค. ส่งผลให้กรอบดอกเบี้ย ณ สิ้นปี 65 อยู่ที่ 4.25-4.50% ทำให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้น และผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีของสหรัฐเริ่มอ่อนตัวลง เป็นแรงหนุนให้ทองคำ
ดังนั้นฝ่ายวิจัยประเมินว่าราคาจะฟื้นตัวขึ้นหลังการประชุมเฟดเพราะราคาทองคำได้ตอบรับข่าวดังกล่าวไปแล้ว อีกทั้งเฟดมีแนวโน้มชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย ส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้นหนุนแรงซื้อกลับเข้ามาในทองคำ ฝ่ายวิจัยคาดทองคำเคลื่อนไหว sideway up ในกรอบ 1,600-1,680$/oz โดยให้ซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp