มิติหุ้น – น.สพ.สุจินต์ ธรรมศาสตร์ ประธานผู้บริหารฝ่ายปฏิบัติการ ธุรกิจสัตว์น้ำ ซีพีเอฟ กล่าวว่า บริษัท ในฐานะเป็น 1 ใน 10 องค์กรธุรกิจชั้นนำของโลกที่ร่วมเป็นสมาชิก SeaBOS ได้ร่วมถวายรายงานการดำเนินงานและความร่วมมือกับเครือข่ายพันธมิตรทั่วโลกเพื่อขับเคลื่อนอุตสาหกรรมอาหารทะเลที่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมตลอดระยะเวลา 5 ปี แก่ ‘เจ้าฟ้าหญิงวิกตอเรีย’ มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน ในฐานะผู้สนับสนุนเครือข่าย Seafood Business for Ocean Stewardship หรือ SeaBOS และประธานการประชุมพร้อมทั้งนักวิทยาศาสตร์ และองค์กรผู้ผลิตอาหารทางทะเลชั้นนำของโลก ในที่ประชุมผู้นำกลุ่มประจำทุกปีเพื่อรายงานความคืบหน้าความร่วมมือในการพัฒนาห่วงโซ่อุปทานอาหารทะเลที่ยั่งยืน
“มกุฎราชกุมารีแห่งสวีเดน ได้รับฟังรายงานผลการดำเนินงานตลอดระยะเวลา 5 ปี ของกลุ่ม SeaBOS ซีพีเอฟในฐานะสมาชิกกลุ่ม ได้ถวายรายงานถึงการร่วมยกระดับมาตรฐานการทำประมง การเพาะเลี้ยงสัตว์น้ำ และการแปรรูปอาหารทะเล เพื่อให้ผู้บริโภคทั่วโลกได้รับผลิตภัณฑ์ที่ปลอดภัย มีคุณภาพสูง สามารถตรวจสอบย้อนกลับอย่างโปร่งใสได้ตั้งแต่ต้นทาง ควบคู่กับรักษาสมดุลของสิ่งแวดล้อมและทรัพยากรทางทะเล ซึ่งแนวทางเหล่านี้สอดคล้องกับเป้าหมายของกลุ่ม SeaBOS” น.สพ.สุจินต์กล่าว
ทั้งนี้ น.สพ.สุจินต์ รายงานความคืบหน้าใน 4 ประเด็นสำคัญ เริ่มจากการคิดค้นแนวทางการเลี้ยงกุ้งแบบใหม่ที่ไม่ใช้ยาปฏิชีวนะ ตั้งแต่การพัฒนาลูกกุ้งที่แข็งแรง โตไว ต้านทานโรค การเลี้ยงกุ้งในโรงเรือนระบบปิดเพื่อควบคุมสภาพแวดล้อม ระบบบริหารจัดการการเพาะเลี้ยงกุ้งด้วยหลัก “3 สะอาด” การพัฒนาสูตรอาหารใช้โปรไบโอติกช่วยให้กุ้งแข็งแรง ปลอดโรค รวมถึงการประยุกต์ใช้ระบบอัตโนมัติและเทคโนโลยีช่วยในระบบบำบัดน้ำ ช่วยให้การเพาะเลี้ยงกุ้งสามารถนำน้ำมารีไซเคิลและหมุนเวียนกลับมาใช้ซ้ำ ลดการปริมาณการใช้น้ำจากภายนอก พร้อมทั้งถ่ายทอดการดำเนินงานและแนวทางปฏิบัติที่ดีสู่องค์กรสมาชิกเพื่อส่งเสริมการผลิตสัตว์น้ำที่ปลอดภัยและเป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม
สำหรับประเด็นด้านความโปร่งใสในการดำเนินงานในอุตสาหกรรมประมง ซีพีเอฟได้ผลักดันนโยบายการจัดหาปลาป่นซึ่งเป็นวัตถุดิบอาหารสัตว์อย่างรับผิดชอบและสามารถตรวจสอบย้อนกลับได้ ทั้งนี้ ปลาป่น 100% ที่ซีพีเอฟใช้ในประเทศไทยมาจากผลพลอยได้จากโรงงานแปรรูปสัตว์น้ำ (By-Product) และรับการรับรองมาตรฐาน MarinTrust หรือ MarinTrust Improver Program และเป็นปลาป่นที่ไม่เป็นผลพลอยได้จากพันธุ์ที่มีความเสี่ยงตามมาตรฐานสากล รวมถึงสามารถตรวจสอบย้อนหลังได้โดยหน่วยงานภายนอก (Third Party) และมีการขยายผลใช้กับกิจการในประเทศอื่นๆ ต่อเนื่อง
บริษัทยังได้รายงานความคืบหน้าการยุติปัญหาการค้ามนุษย์ในอุตสาหกรรมประมง ซีพีเอฟ ได้นำหลักสิทธิมนุษยชนมาใช้ในการดำเนินธุรกิจเพื่อให้พนักงานและกลุ่มผู้มีส่วนได้เสียได้รับการปฏิบัติอย่างเท่าเทียม และผนึกพลังกับเครือข่ายพันธมิตร ภาครัฐ เอกชนและภาคประชาสังคม ดำเนินโครงการ “ศูนย์สวัสดิภาพและธรรมาภิบาลแรงงานประมงสงขลา” (Fishermen’s Life Enhancement Center) หรือ ศูนย์ FLEC ตั้งแต่ปี 2559 จนถึงปัจจุบัน โดยบูรณาการความเชี่ยวชาญของ 7 องค์กรพันธมิตรมาช่วยจัดการและป้องกันปัญหาการค้ามนุษย์และการใช้แรงงานผิดกฎหมายในอุตสาหกรรมประมงของไทย และพัฒนาคุณภาพชีวิตแรงงานประมงข้ามชาติ และครอบครัว กว่า 200 ครัวเรือน บริเวณท่าเรือประมงจังหวัดสงขลา
นอกจากนี้ ด้านการส่งเสริมความมั่นคงทางอาหาร รักษาความสมดุลของระบบนิเวศทางทะเล ซีพีเอฟ จัดตั้งโครงการ “CPF Restore the Ocean” ขึ้นในปีนี้ เพื่อสร้างความตระหนักสู่พนักงานของซีพีเอฟทั่วประเทศเพื่อสร้างความร่วมมือและลงมือทำช่วยลดปริมาณขยะและบริหารจัดการขยะอย่างถูกวิธีตามแนวทางเศรษฐกิจหมุนเวียน (Circular Economy) ประกอบด้วยกิจกรรมต่างๆ อาทิ กิจกรรมกับดักขยะทะเล กิจกรรมขยะชายหาด กิจกรรมขยะคืนฝั่ง เป็นต้น เพื่อร่วมดูแลและปกป้องระบบนิเวศทางทะเลซึ่งเป็นต้นทางของความมั่นคงทางอาหารของโลกได้อย่างยั่งยืน
@mitihoonwealth