มิติหุ้น – นายณัฐนัย อนันตรัมพร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท อินเตอร์ลิ้งค์ เทเลคอม จำกัด (มหาชน) หรือ ITEL เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือน ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 2,220 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 40% จากงวดเดียวกันของปีก่อนที่มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,539 ล้านบาท ขณะที่กำไรสุทธิจากการดำเนินงาน 185 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 18% จากงวดเดียวกันของปีก่อน ที่มีกำไรสุทธิ 157 ล้านบาท ทั้งนี้เป็นผลสืบเนื่องจากบริษัทฯ มีการเติบโตในทุกธุรกิจ ความต้องการลูกค้าเพิ่มขึ้น จากการที่ประเทศไทยพัฒนาไปสู่ยุคการนำเทคโนโลยีสารสนเทศมาประยุกต์ใช้ให้เข้ากับกิจกรรมทางเศรษฐกิจและสังคม ซึ่งเป็นส่วนสำคัญที่ส่งเสริมการเติบโตของอุตสาหกรรมเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสารของประเทศ และเป็นปัจจัยช่วยสนับสนุนการเติบโตของบริษัทฯ ทำให้สามารถผลักดันยอดขายจากลูกค้าที่เข้ามาใช้งานได้เพิ่มมากขึ้น อีกทั้งบริษัทฯ ยังสามารถรักษาฐานลูกค้าที่เข้ามาใช้บริการ และต่อยอดความสำเร็จในการให้ขยายบริการเพิ่มเติม อาทิเช่น งาน Drone & Anti-Drone งาน Smart CCTV และอื่น ๆ โดยอาศัยจุดแข็งจากโครงข่ายที่มีประสิทธิภาพ และเสถียรภาพของโครงข่ายที่เหนือระดับ ทำให้เพิ่มศักยภาพการแข่งขันเมื่อเทียบกับคู่แข่งในตลาด สร้างความเชื่อมั่นต่อลูกค้า จึงทำให้บริษัทฯ สร้างรายได้เติบโตได้อย่างก้าวกระโดด
สำหรับรายได้จากการให้บริการโครงข่ายในงวด 9 เดือน ปี 2565 อยู่ที่ 1,008 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อนหน้า 6% ขณะที่รายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่าย อยู่ที่ 1,111 ล้านบาท เติบโตสูงขึ้นจากไตรมาสเดียวกันของปีก่อน 125% โดยบริษัทฯ จะยังคงบริหารจัดการทรัพยากรที่มีอยู่ให้เกิดประสิทธิภาพสูงสุด โดยการรับงานติดตั้งโครงข่ายอย่างต่อเนื่อง ซึ่งเป็นความเชี่ยวชาญของบริษัทฯ พร้อมต่อยอดความสำเร็จในกลยุทธ์ New S-Curve ที่เป็นการให้บริการด้าน งาน Big Data, Security และ IoT รวมถึงการขยายธุรกิจจากการเข้าถือหุ้น 51% ในบริษัท บลู โซลูชั่น จำกัด ซึ่งช่วยให้บริษัทฯ มีรายได้จากการให้บริการติดตั้งโครงข่ายเพิ่มขึ้นถึง 201 ล้านบาท
ขณะที่รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ไม่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างมีสาระสำคัญจากงวดเดียวกันของปีก่อนหน้า อันเนื่องมาจากฐานลูกค้าที่ใช้งานปี 2564 มีมากถึง 95% ทำให้รายได้จากการให้บริการพื้นที่ดาต้า เซ็นเตอร์ในงวด 9 เดือน ปี 2565 อยู่ที่ 64 ล้านบาท และในแต่ละไตรมาสหลังจากนี้จะมีแนวโน้มของรายได้ที่มั่นคง
“ผลประกอบการงวด 9 เดือนของปีนี้ออกมาเป็นที่น่าพอใจ ทั้งรายได้และกำไรที่นิวไฮต่อเนื่อง เป็นผลจากการเติบโตของรายได้ทุกประเภท อย่างไรก็ตามอัตรากำไรสุทธิของบริษัทลดลง ด้วยผลจากภาวะเศรษฐกิจ ที่ทำให้เกิดภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลต่อต้นทุนต่างๆ เช่น ต้นทุนพลังงานทั้งน้ำมันเชื้อเพลิง และค่าไฟฟ้า รวมถึงการขึ้นของอัตราดอกเบี้ยระยะสั้นที่บริษัทใช้ในการดำเนินงานโครงการ อย่างไรก็ตามบริษัทก็ได้วางบิลในช่วงสิ้นไตรมาสนี้ถึง 1,496 ล้านบาท ซึ่งจะได้รับชำระเงินในไตรมาส 4 นี้แน่นอน” นายณัฐนัย กล่าว
ด้วยโมเดลธุรกิจของบริษัทเอง ที่มีฐานรายได้และฐานลูกค้าเดิมอยู่แล้ว จึงทำให้รายได้ของบริษัทค่อนข้างมั่นคงและสามารถต่อยอดได้ อีกส่วนหนึ่งคือการใช้งานการบริการต่างๆโดยบริษัทมีปริมาณลูกค้าเพิ่มมากขึ้นจึงทำให้บริษัทมีสัญญาใหม่ๆ ซึ่งช่วยสนับสนุนให้บริษัทเติบโตได้อีกขั้น รวมไปถึงเรื่องงานติดตั้งด้านโครงข่ายด้วยค่ายมือถือหลายๆค่ายมีการขยายโครงข่าย ซึ่ง ITEL ก็ได้เข้าไปรับเหมาและเป็นผู้ดำเนินงาน นับเป็นบทบาทสำคัญในการสนับสนุนการเติบโต และส่วนสุดท้ายดาต้า เซ็นเตอร์ ถือเป็นส่วนผลักดันของการเติบโตเช่นกัน
นอกจากนี้ ITEL เล็งเห็นโอกาสเติบโตในธุรกิจของบริษัท บลูโซลูชั่น จำกัด (BS) และมีแผนนำ BS เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) ภายในปี 2566 โดยปัจจุบันอยู่ระหว่างการหารือร่วมกับที่ปรึกษาทางเงินเพื่อจัดทำไฟลิ่งตามขั้นตอนต่อไป
ขณะเดียวกัน ITEL ยังเดินหน้าหาพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญด้าน Data Center เพื่อขยายธุรกิจอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุดได้ร่วมมือกับ ETIX EVERYWHERE พันธมิตรระดับโลก โดย ITEL ถือหุ้น 33% และ ETIX ถือหุ้น 67% ในนาม ETIX-ITEL และได้เปิดตัว Data Center แห่งใหม่ ETIX Bangkok 1 ตั้งอยู่ที่ถนนบางนา-ตราด กม.19 ปัจจุบันมีลูกค้ารายใหญ่ลงนามในสัญญาใช้ Data Center แล้ว และอยู่ระหว่างเจรจาลูกค้าอีกหลายรายซึ่งส่วนใหญ่เป็นลูกค้าต่างชาติที่มีความต้องการใช้งานศูนย์ข้อมูลที่มีคุณภาพและสามารถรองรับการเติบโตได้ในอนาคตโดยมีแผนขยาย ETIX Bangkok 2 ซึ่งจะมีขนาดใหญ่กว่าแห่งแรกถึง 3 เท่าด้วย คาดว่าจะมีความชัดเจนช่วงปลายปีนี้
สำหรับแนวโน้มผลงานไตรมาส Q4/65 คาดมีการเติบโตต่อนื่อง ตามการฟื้นตัวของรายได้ “ธุรกิจติดตั้งโครงข่าย” คาดว่าจะมีการส่งมอบงานเพิ่มขึ้น นอกจากนี้ในไตรมาส 4 บริษัทน่าจะได้รับความชัดเจนจากการประมูลงาน มูลค่ารวมราว หนึ่งพันล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทฯ มีมูลค่าสัญญาในมือ (Contract on Hand) อยู่ที่ 2,803 ล้านบาท
@mitihoonwealth