มิติหุ้น – ดร.ตรีพล ภูมิวสนะ ไพรเวท แบงกิ้ง บิซิเนส เฮด ไพรเวท แบงกิ้ง กรุ๊ป ธนาคารกสิกรไทย หรือ KBank Private Banking เปิดเผยว่า ในช่วงเดือนที่เหลือของปี 65 แนะถือเงินสดไว้ประมาณ 8-15% เพื่อรอทิศทางการลงทุนในปี 66 ท่ามกลางความความผันผวนของตลาดหุ้นและตราสารหนี้ ดัชนีจากหุ้นขนาดกลางและใหญ่ทั่วโลก (MSCI World) ปรับลดลงมาถึง 20% คาดว่า Q1/66 สหรัฐจะเริ่มเข้าสู่ภาวะถดถอย (Recession)
รวมถึงแนะลงทุนในสินทรัพย์ทางเลือกนอกตลาด ประมาณ 20% โดยเสนอผลิตภัณฑ์ในกลุ่มกองทุนหุ้นนอกตลาด 6 ประเภท โดยเฉลี่ยลงทุนกองละ 5% ได้แก่
- กองทุนทางเลือกที่กลยุทธ์ลงทุนยืดหยุ่น (Quantitative Hedge Fund) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8–9% ต่อปี ลงทุนในสินทรัพย์หลากหลาย และมุ่งสร้างผลตอบแทนเป็นบวกในทุกสภาพตลาด ได้เสนอกองทุน ASP-LEGACY-UI ซึ่งมีจุดเด่นคือกลยุทธ์ในการจับสัญญาณการซื้อขายรายวินาทีด้วยอัลกอริทึม ทำให้มีผลตอบแทนที่ปรับด้วยความเสี่ยงที่โดดเด่น
- กองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลก (Global Private Equity Fund) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8–10% ต่อปี เป็นผลิตภัณฑ์สินทรัพย์ทางเลือกที่ได้รับความนิยมอย่างต่อเนื่อง เนื่องจากมีความผันผวนด้านราคาต่ำ เสนอกองทุน K-GPE22B-UI ซึ่งมีจุดเด่นคือการลงทุนในหลากหลายอุตสาหกรรมกว่า 50 ธุรกิจ โดยหลังจากการเสนอขายครั้งแรกในเดือนต.ค. 65 ถือเป็นกองทุนหุ้นนอกตลาดทั่วโลกกองทุนแรกในประเทศไทยที่สามารถระดมเงินทุนได้หลักพันลบ.
- กองทุนอสังหาริมทรัพย์นอกตลาดทั่วโลก (Global Private Real Estate Fund) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8–9% ต่อปี เป็นประเภทสินทรัพย์ที่สามารถสร้างกระแสเงินสดที่มั่นคงจากโอกาสในการรับผลตอบแทนในรูปแบบค่าเช่าที่สม่ำเสมอ เสนอกองทุน UGREF-UI ซึ่งลงทุนในอสังหาริมทรัพย์โดยตรงกว่า 9,000 โครงการ และรายได้จากผู้เช่าที่มีคุณภาพกว่า 30,000 ราย และมีการกระจายการลงทุนทั้งกลุ่มโรงงาน รีเทล และที่อยู่อาศัย โดยกองทุนสามารถสร้างผลตอบแทนนับตั้งแต่ต้นปี 8.33%
- กองทุนระดมเงินลงทุนเพื่อให้สินเชื่อแก่ภาคธุรกิจ โดยไม่ผ่านสถาบันการเงิน (Private Credit Fund) ) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 8–10% ต่อปี เป็นการให้สินเชื่อโดยตรงแก่ภาคธุรกิจ เพื่อเสริมสภาพคล่อง ช่วยเพิ่มโอกาสในการได้รับผลตอบแทนในรูปดอกเบี้ยแบบลอยตัว (Floating rate) ในภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น โดย KBank Private Banking ได้ร่วมกับ Lombard Odier ในการแนะนำกองทุนประเภทนี้เป็นครั้งแรกในประเทศไทย และเตรียมเสนอขายครั้งแรกในช่วง 25 พ.ย.65 – 2 ธ.ค.65 ขั้นต่ำ 1 ลบ. โดยหวังระดมทุนไม่เกิน 2 – 4 พันลบ.
- อสังหาริมทรัพย์ไทยนอกตลาด (Thai Private Real Estate) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 10–15% ต่อปี เป็นการลงทุนในอสังหาริมทรัพย์นอกตลาด หรือโครงสร้างพื้นฐานที่ไม่ได้จดทะเบียนในตลาด เช่น อาคารสำนักงาน ไฟฟ้า และโทรคมนาคม ในประเทศไทย
- หุ้นกู้ที่มีอนุพันธ์แฝงแบบ Knock-In Knock-Out (KIKO) กองทุนที่ให้ผลตอบแทนเฉลี่ย 11–13% ต่อปี เป็นสินทรัพย์ที่เพิ่มโอกาสในการสร้างผลตอบแทนที่ดีในช่วงที่ตลาดเคลื่อนไหวในกรอบแคบ ๆ และสามารถให้ผลตอบแทนในรูปแบบดอกเบี้ยรายเดือนที่สม่ำเสมอ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp