มิติหุ้น – บริษัท โทรีเซนไทย เอเยนต์ซีส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TTA รายงานผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่ง โดยมีรายได้เติบโต จำนวน 8,072.7 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 36 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งปัจจัยหลักมาจากการเติบโตอย่างมีนัยสำคัญของธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง และมีรายได้ทรงตัวเมื่อเทียบกับไตรมาสที่ผ่านมา ทั้งนี้ กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร กลุ่มธุรกิจอาหารและเครื่องดื่ม และกลุ่มการลงทุนอื่น มีสัดส่วนรายได้ร้อยละ 43 ร้อยละ 30 ร้อยละ 17 ร้อยละ 6 และร้อยละ 4 ของรายได้รวมทั้งหมด ตามลำดับ กำไรขั้นต้น มีจำนวน 2,389.9 ล้านบาท ลดลงร้อยละ 3 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 9 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตราเทียบเรือเทียบเท่า (TCE) ที่ปรับตัวลดลง ส่วน EBITDA ลดลงร้อยละ 9 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 12 จากไตรมาสก่อน เป็น 1,757.1 ล้านบาท โดยสรุป กำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA มีจำนวน 1,448.7 ล้านบาท ลดลง ร้อยละ 10 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน แต่เพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากไตรมาส 2/2565.
ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 TTA มีสินทรัพย์รวม 45,660.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6,713.1 ล้านบาท หรือร้อยละ 17 จากสิ้นปี 2564 สาเหตุหลักมาจากเงินสดและรายการเทียบเท่าเงินสดเพิ่มขึ้นจากกำไรจากการดำเนินงานใน 9 เดือนแรกของปี 2565 ที่ดิน อาคาร และอุปกรณ์เพิ่มจากการซื้อเรือบริการนอกชายฝั่ง และสินทรัพย์สิทธิการใช้ที่เพิ่มขึ้นจากการเช่าเรือสำหรับกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง โดยเงินสดภายใต้การบริหาร ซึ่งประกอบด้วยเงินสด รายการเทียบเท่าเงินสด และสินทรัพย์ทางการเงินหมุนเวียนอื่น ยังคงอยู่ในระดับสูงที่ 12,785.1 ล้านบาท ขณะที่หนี้สินรวมมีจำนวน 15,942.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1,395.4 ล้านบาท หรือร้อยละ 10 จากสิ้นปี 2564 สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของเจ้าหนี้การค้าตามรายได้ที่เติบโตขึ้น และการเพิ่มขึ้นของหนี้สินตามสัญญาเช่าจากการเช่าเรือ
นายเฉลิมชัย มหากิจศิริ กรรมการผู้จัดการใหญ่และประธานเจ้าหน้าที่บริหาร TTA กล่าวว่า “ดัชนีซุปราแมกซ์ (BSI) มีค่าเฉลี่ยอยู่ที่ 1,793 จุด ในไตรมาสที่ 3/2565 ซึ่งลดลงจากค่าเฉลี่ย 2,627 จุด ในไตรมาส 2/2565 เนื่องจากความแออัดของท่าเรือลดลง และผลกระทบจากภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวน ส่งผลให้อัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์มีค่าเฉลี่ย 19,728 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในไตรมาส 3/2565 ลดลงจาก 28,901 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน ในไตรมาส 2/2565 อย่างไรก็ตาม กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือยังคงรักษาผลการดำเนินงานที่โดดเด่น โดยมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่า (TCE) เฉลี่ยสูงกว่าค่าระวางตลาดสุทธิ ส่วนกลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งเริ่มทำกำไรได้ดีกว่าที่ผ่านมาและมีมูลค่างานให้บริการที่รอส่งมอบ (order book) ที่แข็งแกร่ง และการเติบโตของธุรกิจให้บริการวางสายเคเบิลใต้ทะเล ด้านกลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตรมีรายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้น เนื่องจากราคาปุ๋ยปรับตัวสูงขึ้นและปริมาณขายปุ๋ยทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น ที่น่าภาคภูมิใจอีกประการ คือ TTA ได้รับการคัดเลือกให้เป็นบริษัทจดทะเบียนที่มีรายชื่ออยู่ในหุ้นยั่งยืน หรือ Thailand Sustainability Investment (THSI) ในกลุ่มบริการ (Services) และเพื่อพัฒนาธุรกิจให้เติบโตอย่างยั่งยืน TTA จะเดินหน้าขยายการลงทุนเพื่อรองรับแผนการเติบโตระยะยาวโดยยึดแนวการกำกับดูแลกิจการที่ดี”
ผลการดำเนินงานของรายกลุ่มธุรกิจ
กลุ่มธุรกิจขนส่งทางเรือ : ในไตรมาสที่ 3/2565 รายได้ค่าระวางของโทรีเซน ชิปปิ้ง อยู่ที่ 3,480.6 ล้านบาท โดยมีอัตราค่าระวางเรือเทียบเท่าเฉลี่ย เป็น 23,169 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน สูงกว่าอัตราค่าระวางเรือซุปราแมกซ์สุทธิที่ 18,741 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน อยู่ร้อยละ 24 ส่วนค่าใช้จ่ายในการดำเนินงานของเรือ (OPEX) ปรับตัวลดลงร้อยละ 2% จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และลดลงร้อยละ 7 จากไตรมาสก่อน อยู่ที่ 3,764 ดอลลาร์สหรัฐต่อวัน เนื่องจากมีค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนกะของลูกเรือลดลง โดยสรุป โทรีเซน ชิปปิ้ง รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 1,214.1 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2565 ลดลงร้อยละ 31 จากช่วงเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 31 จากไตรมาสก่อน เป็นเจ้าของเรือ 24 ลำ (เรือซุปราแมกซ์ 22 ลำ และเรืออัลตราแมกซ์ 2 ลำ) มีระวางบรรทุกเฉลี่ยเท่ากับ 55,913 เดทเวทตัน (DWT) และมีอายุเฉลี่ย 14.5 ปี ณ สิ้นไตรมาส
จากบทวิเคราะห์ของ Clarksons สำหรับปี 2565 คาดการณ์การค้าสินค้าแห้งเทกองจะชะลอตัวลงร้อยละ 1.6 ในหน่วยตัน หรือลดลงเล็กน้อยร้อยละ 0.5 ในหน่วยตัน-ไมล์ เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงเส้นทางการค้าเป็นผลกระทบมาจากความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน ในขณะที่คาดการณ์การขยายกองเรือที่ร้อยละ 2.7 ในหน่วยเดทเวทตัน (DWT) แม้จะมีความท้าทายทางภาวะเศรษฐกิจโลกและผลกระทบด้านอุปสงค์ที่เกี่ยวข้องกับความขัดแย้งระหว่างรัสเซีย-ยูเครน แต่อัตราค่าระวางเรือสินค้าแห้งเทกองยังคงสูงกว่าค่าเฉลี่ยในอดีตอย่างมาก ส่วนในปี 2566 คาดการณ์การค้าสินค้าแห้งเทกองจะเติบโตร้อยละ 0.8 ในหน่วยตัน หรือร้อยละ 1.9 ในหน่วยตัน-ไมล์ ขณะที่ กองเรือจะเติบโตอยู่ที่ร้อยละ 0.5 ในหน่วยเดทเวทตัน (DWT) อย่างไรก็ตาม แนวโน้มการเติบโตในอนาคตยังคงมีความไม่แน่นอนอยู่ จากปัจจัยความเสี่ยงที่เกี่ยวข้องกับภาวะเศรษฐกิจโลก
กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่ง : รายได้ของบริษัท เมอร์เมด มาริไทม์ จำกัด (มหาชน) หรือเมอร์เมดฯ ในไตรมาสที่ 3/2565 อยู่ที่ 2,396.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 179 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน สาเหตุหลักมาจากการขยายขอบเขตการให้บริการไปยังงานวางสายเคเบิลใต้ทะเล งานรื้อถอน (decommissioning) งานขนส่งและติดตั้ง (Transportation & Installation: T&I) และเพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการเพิ่มขึ้นของงานรื้อถอน และงานขนส่งและติดตั้ง อัตรากำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นถึงร้อยละ 20 ในไตรมาสที่ 2/2565 ส่งผลให้กำไรขั้นต้นเป็น จำนวน 476.4 ล้านบาท ปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 534 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 65 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากอัตรากำไรที่ดีขึ้นของทุกส่วนงานโดยเฉพาะงานวางสายเคเบิ้ลใต้ทะเล และงานขนส่งและติดตั้ง นอกจากนี้ ยังมีส่วนแบ่งกำไรจากการร่วมค้า จำนวน 20.1 ล้านบาท
ด้วยเหตุนี้ EBITDA ของเมอร์เมดฯ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญคิดเป็นร้อยละ 944 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 112 จากไตรมาสก่อน มาอยู่ที่ 397.1 ล้านบาท โดยสรุป กลุ่มธุรกิจบริการนอกชายฝั่งรายงานผลกำไรสุทธิอย่างต่อเนื่อง จำนวน 114.1 ล้านบาท และผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 61.8 ล้านบาท ในไตรมาสที่ 3/2565 นอกจากนี้ มีมูลค่าสัญญาให้บริการรอส่งมอบสูงต่อเนื่องที่ 329 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ณ สิ้นไตรมาส
กลุ่มธุรกิจเคมีภัณฑ์เพื่อการเกษตร :
รายได้ของบริษัท พีเอ็ม โทรีเซน เอชีย โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ PMTA ในไตรมาสที่ 3/2565 อยู่ที่ 1,420.2 ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 71 จากช่วงเวลาเดียวกันของปี 2564 สืบเนื่องจากรายได้ของทุกผลิตภัณฑ์และบริการที่เพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 40 จากไตรมาสก่อน สาเหตุหลักมาจากการฟื้นตัวของปริมาณการขายปุ๋ย ทั้งนี้ รายได้จากการขายปุ๋ยเพิ่มขึ้นร้อยละ 73 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน เนื่องจากราคาขายปุ๋ยปรับตัวเพิ่มขึ้น และเพิ่มขึ้นร้อยละ 45 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณขายปุ๋ยทั้งในประเทศและส่งออกเพิ่มขึ้น
ทั้งนี้ ปริมาณขายปุ๋ยรวมอยู่ที่ 46.0 พันตัน หรือ เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากปริมาณการขายปุ๋ยในประเทศและส่งออกฟื้นตัว สำหรับปริมาณขายปุ๋ยในประเทศ คิดเป็นร้อยละ 49 ของปริมาณขายปุ๋ยทั้งหมดมีจำนวน 22.7 พันตัน เพิ่มขึ้นร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อน เนื่องจากความต้องการใช้ปุ๋ยในประเทศฟื้นตัวอย่างช้าๆ ในช่วงสิ้นไตรมาสของผู้ค้าส่งและเกษตรกรที่เริ่มเตรียมพร้อมสำหรับฤดูกาลเพาะปลูกในไตรมาสที่ 4 ในขณะเดียวกัน ปริมาณส่งออกปุ๋ยไปยังประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ขยายตัว ดังนั้น ปริมาณส่งออกปุ๋ยปรับตัวเพิ่มขึ้นร้อยละ 67 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 40 จากไตรมาสก่อน เป็น 23.3 พันตัน ส่วนรายได้จากการให้บริการจัดการพื้นที่โรงงานเพิ่มขึ้นร้อยละ 58 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 15 จากไตรมาสก่อน เป็น 27.7 ล้านบาท จากความต้องการที่เพิ่มขึ้น กำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 91 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 43 จากไตรมาสก่อน เป็น 198.3 ล้านบาท แม้ว่าสัดส่วนปริมาณขายของแต่ละผลิตภัณฑ์ (sales mix) ที่แตกต่างกัน และราคาวัตถุดิบที่สูงขึ้นจากอุปทานที่ลดลงและราคาน้ำมันที่สูงขึ้น PMTA สามารถปรับราคาขายเพิ่มขึ้นเพื่อรักษาอัตราการทำกำไรได้ ดังนั้น อัตราการทำกำไรขั้นต้นเพิ่มขึ้นร้อยละ 14 ในไตรมาสที่ 3/2565 ส่วน EBITDA เพิ่มขึ้นร้อยละ 102 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 92 จากไตรมาสก่อน เป็น 82.4 ล้านบาท โดยสรุป PMTA รายงานผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของ TTA จำนวน 28.0 ล้านบาทในไตรมาสที่ 3/2565 เพิ่มขึ้นร้อยละ 64 จากช่วงเวลาเดียวกันของปีก่อน และร้อยละ 150 จากไตรมาสก่อน
กลุ่มอาหารและเครื่องดื่ม (Food & Beverage)
พิซซ่า ฮัท ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 พิซซ่า ฮัท มีสาขาทั้งหมด 187 สาขา ทั่วประเทศ ซึ่งสาขาทั้งหมดที่เปิดใหม่เป็นสาขาที่เปิดตามหัวเมืองใหญ่
ทาโก้ เบลล์ เป็นแฟรนไชส์อาหารเม็กซิกันสไตล์ที่มีชื่อเสียงชั้นนำระดับโลกจากสหรัฐอเมริกา ดำเนินงานภายใต้บริษัทย่อยที่ TTA ถือหุ้นอยู่ร้อยละ 70 ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 ทาโก้ เบลล์ มีสาขาทั้งหมด 12 สาขาทั่วประเทศ
กลุ่มการลงทุนอื่น (Investment) : ณ วันที่ 30 กันยายน 2565 TTA มีการลงทุนในสินทรัพย์ดิจิตอล ประมาณ 1,139.7 ล้านบาท
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp