มิติหุ้น – นางสาวธิญาดา เมฆพงษ์สาทร ประธานกรรมการบริหาร บริษัท เอเชีย ไบโอแมส จำกัด (มหาชน) หรือ ABM ผู้ประกอบธุรกิจจัดหาและจัดจำหน่ายผลิตภัณฑ์เชื้อเพลิงชีวมวล เปิดเผยถึงผลการดำเนินงานประจำไตรมาส 3 สิ้นสุดวันที่ 30 กันยายน 2565 ว่า บริษัทฯ มีรายได้รวม 708.47 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 139.89 ล้านบาท หรือ 24.60% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน (QoQ) จากปริมาณการขายเชื้อเพลิงชีวมวลโดยรวมทั้งในและต่างประเทศเพิ่มขึ้น โดยมีกำไรจากการดำเนินในภาพรวม อยู่ที่ 19 ล้านบาท และกำไรสุทธิ 9.05 ล้าน (เนื่องจากการตั้งสำรองหนี้สงสัยจะสูญ 10 ล้านบาท) เพิ่มขึ้น 0.79 ล้านบาท หรือ 9.56% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อน จากความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลที่เพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง
ทั้งนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการอยู่ที่ 706.49 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 138.95 ล้านบาท หรือ 24.48% เมื่อเทียบกับไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากบริษัทฯ มีปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้น โดยเฉพาะในส่วนของกะลาปาล์มและรายได้อื่นอยู่ที่ 1.98 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 0.94 ล้านบาท หรือ 90.38% สาเหตุจากปีก่อนบริษัทฯ ได้รับเงินชดเชยจากสินค้าเสียหายและมีหนี้สูญที่ได้รับคืน ประกอบกับบริษัทฯ ได้กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนเงินตราต่างประเทศ
สำหรับปริมาณการขายเชื้อเพลิงชีวมวลโดยรวมของบริษัทฯ ในไตรมาส 3/2565 มีปริมาณการขายอยู่ที่ 156.07 พันตัน เพิ่มขึ้น 23.49 พันตัน หรือ 17.72% เมื่อเทียบไตรมาสก่อน จากปัจจัยจากความต้องการเชื้อเพลิงชีวมวลในตลาดเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง โดยแบ่งเป็นปริมาณการขายในประเทศ 122.57 พันตัน เพิ่มขึ้น 9.97 พันตัน หรือ 8.85% และปริมาณการขายในต่างประเทศอยู่ที่ 33.50 พันตัน เพิ่มขึ้น 13.52 พันตัน หรือ 67.67% โดยเฉพาะสินค้าไม้สับ ที่บริษัทฯ ยังคงเป็นผู้ส่งออกหลัก รวมถึงการขายสินค้าอื่นเพิ่มด้วย
“ ผลงานไตรมาส 3 ที่ผ่านมา บริษัทฯ ยังคงเติบโตอย่างต่อเนื่อง จากดีมานด์เชื้อเพลิงชีวมวลที่มีความต้องการในตลาดเพิ่มสูงขึ้นและการขยายตัวอย่างต่อเนื่องของตลาดในประเทศและต่างประเทศ โดยคาดว่าความต้องการในการใช้เชื้อเพลิงชีวมวลยังคงมีเพิ่มอย่างต่อเนื่อง ประกอบกับบริษัทฯ มีแผนเชิงรุกในธุรกิจเชื้อเพลิงให้ครอบคลุมเพิ่มขึ้น โดยเฉพาะด้าน Green Transformation ที่สนับสนุนการใช้พลังงานสะอาดทดแทนการใช้เชื้อเพลิงฟอสซิลเพื่อลดภาวะโลกร้อนสนองนโยบายภาครัฐในการใช้พลังงานสะอาด จึงคาดว่าในปีนี้ บริษัทฯ ยังมีช่องทางและโอกาสการเติบโตอย่างต่อเนื่อง”
นางสาวธิญาดา กล่าวต่อว่า บริษัทฯ ยังคงมีแผนลงทุนและพัฒนาในระบบขนส่งสินค้า (โลจิสติกส์) อย่างต่อเนื่อง เพื่อเป็นการเพิ่มประสิทธิภาพในการขนส่ง ทั้งการเพิ่มจำนวนรถขนส่งและเพิ่มพื้นที่คลังสินค้า เพื่อรองรับสินค้าและการเติบโตในอนาคต ประกอบกับบริษัทฯ ได้ทำสัญญาซื้อไม้โตเร็วไว้พื้นที่ประมาณ 3,000 ไร่ และคาดว่าจะได้ไม้ทั้งหมดราว 30,000 ตัน เพื่อเป็นแหล่งวัตถุดิบในการผลิตและรองรับการเติบโตของตลาดทั้งในประเทศและต่างประเทศที่มีแนวโน้มดีขึ้นเรื่อย ๆ ประกอบกับเป็นการป้องกันไม่ให้เกิดการขาดแคลนสินค้าในอนาคต ซึ่งบริษัทฯ ประเมินว่าจะได้รับผลผลิตดังกล่าวได้ในปี 2566
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp