TEGH โชว์ผลงาน 9 เดือนปี 65 รายได้พุ่ง 45.73% ปริมาณ-ราคาจำหน่ายธุรกิจยางธรรมชาติฟื้นตัวได้ดี ลุยอัพกำลังผลิตยางแท่งแตะ 3.28 แสนตัน/ปี หนุนรายได้ปีนี้โตเข้าเป้า 30%

52

มิติหุ้น – บมจ.ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ หรือ TEGH โชว์รายได้ 9 เดือนอยู่ที่ 11,807.97  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.73% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 521.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.10% จากปีก่อน ขณะที่ในไตรมาส 3/2565 รายได้แตะ 4,248.79  ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.12% จากปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 153.95 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณการจำหน่ายและราคาเฉลี่ยในธุรกิจยางธรรมชาติ หนุนราคาขายเฉลี่ยฟื้นตัว ฟากผู้บริหาร ระบุพร้อมเดินหน้าอัพกำลังการผลิตยางแท่งเพิ่มเป็น 328,000 ตัน/ปี จาก 240,000 ตัน/ปี มั่นใจสนับสนุนรายได้ปีนี้เติบโตเข้าเป้า 30%

นายเฉลิม โกกนุทาภรณ์ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ไทยอีสเทิร์น กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน) หรือ TEGH เปิดเผยว่า  ผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนปีนี้ บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ อยู่ที่ 11,807.97 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 45.73% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 8,102.63 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 521.22 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 27.10% จากช่วงปีก่อนที่ทำได้ 410.08 ล้านบาท

ขณะที่ในไตรมาส 3/2565 บริษัทฯ มีรายได้จากการขายสินค้าและการให้บริการ อยู่ที่  4,248.79 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 47.12% จากช่วงปีก่อนที่มีรายได้ 2,888.03 ล้านบาท และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 153.95 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 1.33% จากช่วงปีก่อนที่ทำได้ 151.93 ล้านบาท

“ภาพรวมผลประกอบการของบริษัทฯ มีรายได้เพิ่มขึ้นโดยส่วนใหญ่มาจากรายได้จากธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเป็นหลัก ขณะที่การเพิ่มขึ้นของกำไรสุทธิส่วนใหญ่มีผลมาจาก ผลกำไรของธุรกิจผลิตและจำหน่ายยางธรรมชาติเพิ่มสูงขึ้นจากการเพิ่มขึ้นของราคาขายเฉลี่ยและปริมาณขายจากการฟื้นตัวของภาคอุตสาหกรรม” นายเฉลิม กล่าว

นางสาวสินีนุช โกกนุทาภรณ์  กรรมการผู้จัดการ กล่าวว่า บริษัทฯตั้งเป้าหมายรายได้ในปีนี้น่าจะเติบโตไม่ต่ำกว่า 30% จากปีก่อนที่มีรายได้ 11,087.76 ล้านบาท โดย 9 เดือนแรกปีนี้บริษัทฯมีรายได้แล้ว 11,807.97 ล้านบาท คิดเป็นเพิ่มขึ้น 45.73% จากช่วงปีก่อน  โดยในปีนี้บริษัทฯ มีการขยายกำลังการผลิตยางแท่งมาอยู่ประมาณ 328,000 ตัน ซึ่งเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ (COD) ไปแล้ว และจะขยายเป็น 416,000 ตันในปีหน้าหน้า เพื่อก้าวสู่การเป็นผู้ผลิตยางแท่ง Top 5 ของประเทศ

สำหรับธุรกิจน้ำมันปาล์มดิบ ได้มีการปรับปรุงประสิทธิภาพการผลิต ซึ่งจะทำให้สามารถขยายกำลังการผลิตได้อีก 42% และธุรกิจพลังงานทดแทนและการบริหารจัดการกากอินทรีย์ บริษัทฯ วางแผนเพิ่มกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ จาก 23 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2565 เป็น 67 ล้านลูกบาศก์เมตร ในปี 2568 หรือคิดเป็นอัตราเพิ่มขึ้น 191% และเพิ่มกำลังการผลิตบ่อหมักกากอินทรีย์ประเภทของแข็ง (SOW) เพื่อรองรับเสียที่ได้จากการผลิตยางแท่ง

โดยในปีนี้บริษัทฯ วางแผนจะCOD โครงการขยายกำลังการผลิตก๊าซชีวภาพ ระยะที่ 1 ภายในไตรมาส 4/2565 ซึ่งเดิมบริษัทฯใช้ก๊าซชีวภาพทดแทน LPG ในส่วนของธุรกิจยางพาราได้ถึง 89% และใช้ก๊าซชีวภาพเป็นเชื้อเพลิงเพื่อผลิตพลังงานหมุนเวียนใช้แทนไฟฟ้าจากภายนอกได้ 51% ซึ่งจะช่วยลดต้นทุนด้านพลังงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากยิ่งขึ้น

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp