มิติหุ้น – นางสาวชูศรี เกียรติขจรกุล กรรมการผู้จัดการใหญ่ บมจ.ราช กรุ๊ป หรือ RATCH เปิดเผยว่า ผลดำเนินงานในช่วงQ4/65 บริษัทคาดว่ารายได้จะเติบโตต่อเนื่อง เป็นผลมาจากโรงไฟฟ้าราชโคเจนเนอเรชั่น ส่วนขยาย ที่จังหวัดปทุมธานี จะรับรู้วันจ่ายไฟฟ้าเข้าระบบเชิงพาณิชย์ (COD) ในวันที่ 24 พ.ย.65 ขนาดกำลังการผลิตรวม 31.20 เมกะวัตต์ (MW) โดยมีความคืบหน้าของโครงการ 98.35%
สำหรับภาพรวมธุรกิจในปี 65 บริษัทร่วมมือกับกลุ่ม Nexif Energy เพื่อขยายกำลังการผลิตในธุรกิจไฟฟ้า โดยมีโครงการโรงไฟฟ้าอยู่ 24 แห่ง ขนาดกำลังการผลิตตามสัดส่วนการถือหุ้นรวม 1,500 MW ซึ่งปัจจุบันกำลังการผลิตรวม 9,0939.73 MW โดยแบ่งเป็นกำลังการผลิตจากเชื้อเพลิงหลัก 8,063.39 MW คิดเป็น 81% และกำลังการผลิตจากพลังงานทดแทน 1,876.34 คิดเป็น 19%
ขณะเดียวกัน บริษัทเดินหน้าเข้าลงทุนธุรกิจ NoN-Power ในบ.พริ้นซีเพิล เฮลท์แคร์ – สกลนคร ใช้เงินลงทุน 75 ล้านบาท หรือคิดเป็น 25% คาดว่าจะเปิดให้บริการ เดือน ก.พ.66 ดำเนินงานในนามบริษัทย่อยอย่าง บมจ.สหโคเจน (ชลบุรี) หรือ SGC
นอกจากนี้ ปี 66 บริษัทตั้งเป้ารายได้รวมเติบโต 10-15% YoY โดยปัจจุบันบริษัทมีรายได้รวม 61,570.65 ล้านบาท และตั้งเป้างบลงทุนไม่ต่ำกว่า 10,000-15,000 ล้านบาท จากเดิม 30,000 ล้านบาท
พร้อมกันนี้ บริษัทมีโครงการที่กำหนดเดินเครื่องเชิงพาณิชย์ในปี 66 ได้แก่ รถไฟฟ้าสายสีเหลือง (ลาดพร้าว-สำโรง) ที่จะเปิดให้บริการครบทุกสถานี เดือนมิ.ย.66, รถไฟฟ้าสายสีชมพู (แคราย-มีนบุรี) มีแผนเปิดให้บริการครบทุกสถานี เดือนก.ค.66, โรงไฟฟ้าพลังงานลม อีโค่วีน เวียดนาม บริษัทมีสัดส่วนการถือหุ้น 51.04% และมีกำลังการผลิตตามการถือหุ้น 15.16 MW กำหนด COD ในQ2/66, โรงงานผลิตเชื้อเพลิงชีวมวลอัดแท่ง สปป. ลาว ดำเนินงานในนามบริษัทย่อยอย่าง บ.สีพันดอน ราช-ลาว ที่มีกำลังการผลิต 100,000 ต้นต่อปี กำหนดการผลิตเชิงพาณิชย์ในQ2/66
@mitihoonwealth
