SORKON ประกาศผลงานไตรมาส 3/65 ทำรายได้เติบโต 17.1% รับการปรับกลยุทธ์เพิ่มช่องทางการขายและออกสินค้าใหม่

50

มิติหุ้น – ‘ส. ขอนแก่นฟู้ดส์’ หรือ SORKON เผยผลดำเนินงานไตรมาส 3/65 ทำรายได้จากการขาย 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% ดันผลงานงวด 9 เดือนแรกของปี 65 มีรายได้จากการขาย 2,328 ล้านบาท และกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นบริษัทฯ 83 ล้านบาท รับผลเติบโตจากยอดขายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดและออกสินค้าใหม่ เพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค

นายจรัญพจน์ รุจิราโสภณ ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร ธุรกิจในประเทศ บริษัท ส. ขอนแก่นฟู้ดส์ จำกัด (มหาชน) หรือ SORKON ผู้ผลิตและจำหน่ายอาหารแปรรูปจากเนื้อสัตว์รายใหญ่ของไทย เปิดเผยว่า ผลการดำเนินงานไตรมาส 3/2565 (กรกฎาคม-กันยายน) บริษัทฯ มีรายได้จากการขาย 809 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 17.1% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ผ่านมา โดยเป็นผลเติบโตจากยอดขายช่องทางโมเดิร์นเทรดภายหลังการผ่อนคลายมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดของโควิด-19 ประกอบกับบริษัทฯ ได้ออกสินค้าใหม่ในหลายกลุ่มเพื่อตอบสนองพฤติกรรมผู้บริโภค อาทิ แหนมใบมะยมพริกแซ่บ ในกลุ่มสินค้าไทยพื้นเมือง  ส.อกไก่นรก ในกลุ่มขนมขบเคี้ยวจากเนื้อสัตว์แปรรูป (Meat Snack) และกลุ่มพร้อมรับประทาน (Ready to Eat) เช่น ข้าวผัดแหนม ยำหมูยอ ลูกชิ้นเต้าหู้หมู เป็นต้น อีกทั้งยอดขายของธุรกิจฟาร์มสุกรก็ได้รับผลบวกจากราคาที่สูงขึ้นอย่างต่อเนื่อง ส่งผลให้มีกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ 18 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 100% เมื่อเทียบกับไตรมาสเดียวกันของปีที่ีผ่านมา

ขณะที่ภาพผลการดำเนินงานงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 (มกราคม-กันยายน) มีรายได้จากการขายทั้งสิ้น 2,328 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 14.2% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยมาจากยอดขาย (1) กลุ่มอาหารแปรรูปจากเนื้อสุกร จำนวน 1,170 ล้านบาท ซึ่งคิดเป็นสัดส่วน 51% ของรายได้จากการขาย มีอัตราการเติบโต 10.7% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา เนื่องจากการขยายช่องทางจำหน่ายในร้านสะดวกซื้อที่เป็นไปตามแผนงาน การจัดการสต๊อกเพิ่มในช่วงเวลาที่ราคาวัตถุดิบเหมาะสม รวมถึงการปรับโครงสร้างราคาสินค้า (2) กลุ่มอาหารทะเลแปรรูป จำนวน 799 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 34% ของรายได้จากการขาย เติบโต 7.3% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา โดยยอดขายในประเทศเติบโตจากกลยุทธ์การเพิ่มช่องทางจำหน่ายผ่านโมเดิร์นเทรดรายใหม่และช่องทางค้าปลีกดั้งเดิม ผ่านตู้แช่ชุมชนที่ร่วมกับคู่ค้า แม้ว่าบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากการปรับขึ้นราคาอาหารทะเลซึ่งเป็นวัตถุดิบหลัก แต่ก็ได้วางแผนรับมือทั้งการปรับโครงสร้างราคาสินค้าและออกผลิตภัณฑ์ใหม่ในกลุ่มสินค้าพร้อมรับประทานเพื่อวางจำหน่ายผ่านช่องทางโมเดิร์นเทรดในชื่อเมนูอิ่มคุ้ม อาทิ ลูกชิ้นปลากลมใหญ่ เส้นปลาลูกชิ้นน้ำใส เป็นต้น ซึ่งได้รับการตอบรับที่ดีจากผู้บริโภค

(3) กลุ่มงานฟาร์มสุกร มียอดขาย 305 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 13% ของรายได้จากการขายรวม มีอัตราการเติบโต 56.8% เทียบกับช่วงเดียวกันปีที่ผ่านมา ซึ่งธุรกิจฟาร์มยังคงได้รับผลบวกอย่างต่อเนื่องจากราคาตลาดเนื้อสุกรที่ปรับเพิ่มตั้งแต่ไตรมาส 4/2564 ทำให้ SORKON สามารถบริหารจัดการเพื่อลดผลกระทบต้นทุนภาพรวมของกลุ่ม ทั้งยังมีการลงทุนและเน้นควบคุมการเลี้ยงสุกรตามมาตรฐานด้านความปลอดภัยทางชีวภาพ (Biosecurity) ขณะที่ (4) กลุ่มงานร้านอาหาร Quick Service Restaurant (QSR) มียอดขายจำนวน 53 ล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 2% ของรายได้จากการขายรวม มีอัตราเติบโตเพิ่มขึ้น 32.4% โดยที่ผ่านมาบริษัทฯ ได้ปิดบางสาขาที่มีผลขาดทุนสูง และเพิ่มช่องทางจัดจำหน่ายผ่านผู้ให้บริการเดลิเวอรี่ ทำให้ยอดขายจากหน้าร้านและเดลิเวอรี่มีแนวโน้มดีขึ้นต่อเนื่องตั้งแต่สถานการณ์โควิด-19 ผ่อนคลายลง

สำหรับกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทฯ ในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 ทำได้ 83 ล้านบาท ลดลงเล็กน้อยเมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีที่ผ่านมา เนื่องจาก ราคาเนื้อสุกร เนื้อไก่ และเนื้อปลา ซึ่งเป็นต้นทุนการผลิตหลักมีความผันผวนและมีทิศทางสูงขึ้นกว่า 20-60% เทียบกับราคาเฉลี่ยปีที่ผ่านมา อีกทั้งค่าสาธารณูปโภค เช่น ค่าน้ำ ค่าไฟฟ้า มีการปรับตัวสูงขึ้นต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามบริษัทฯ ได้มีการวางแผนบริหารจัดการต้นทุนและปรับโครงสร้างราคาสินค้าให้เหมาะสมอยู่เสมอ นอกจากนั้นบริษัทฯ ยังมีการรับรู้ผลขาดทุนจากการเปลี่ยนแปลงมูลค่ายุติธรรมหักต้นทุนในการขายของสินทรัพย์ชีวภาพ 9 เดือน จำนวน 1 ล้านบาท

“แม้ในช่วงที่ผ่านมาบริษัทฯ จะได้รับผลกระทบจากสถานการณ์แพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ต้องปรับกลยุทธ์เพื่อรับมืออย่างต่อเนื่อง แต่อย่างไรก็ตาม บริษัทฯ พร้อมเดินหน้าขยายช่องทางทางการขายใหม่ ๆ  และเน้นการบริหารจัดการภายใน อาทิ เพิ่มการจัดเก็บสต๊อกวัตถุดิบในราคาที่เหมาะสม ปรับระยะเวลาชำระหนี้เพื่อให้ได้ส่วนลดเงินสด รวมทั้งปรับโครงสร้างราคาให้เหมาะสม เพื่อบริหารความเสี่ยงและลดผลกระทบจากต้นทุนที่เพิ่มขึ้น นอกจากนี้ เรายังเตรียมวางแผนกลยุทธ์ใหม่ เพื่อขยายกลุ่มลูกค้าให้กว้างขึ้น ตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์คนรุ่นใหม่มากขึ้น ซึ่งเป็นแผนงานที่เตรียมไว้สำหรับอนาคตอีกด้วย” นายจรัญพจน์ กล่าว

 

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp