มิติหุ้น-บริษัท นิวส์ เน็ตเวิร์ค คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ “NEWS” ปรับโครงสร้างธุรกิจครั้งใหญ่! แจ้งต่อตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) เมื่อวันที่ 23 พฤศจิกายน 2565 หลังที่ประชุมคณะกรรมการมีมติอนุมัติปรับโครงสร้างภายในกลุ่มธุรกิจของบริษัทฯ โดยดำเนินการขายหุ้นสามัญใน บริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด จำนวน 20,074,998 หุ้น หรือสัดส่วนร้อยละ 100 ของหุ้นทั้งหมด คิดเป็นมูลค่า 240 ล้านบาท แก่ บริษัท เนชั่น กรุ๊ป (ไทยแลนด์) จำกัด (มหาชน) หรือ “NATION”
นอกจากการปรับโครงสร้างภายในที่มีความชัดเจนมากขึ้นแล้ว NEWS ยังมีการเพิ่มทุนจดทะเบียน จากเดิมที่ 158,475,296,472 บาท ขึ้นเป็น 169,040,316,236 บาท คิดเป็นมูลค่าเพิ่มขึ้นกว่า 1 หมื่นล้านบาท ทั้งนี้ก็เพื่อใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียนและเดินหน้ารุกธุรกิจ Fintech ที่จับมือเข้าลงทุนร่วมกับ บริษัท อควา คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) อย่าง ‘Peer-to-Peer (P2P) Lending’ ในชื่อ Peer for All เพื่อประกอบธุรกิจหลักทรัพย์แบบครบวงจร
ด้าน นายกฤษฎา พฤติภัทร ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร กล่าวว่า “การขายบริษัท ฐานเศรษฐกิจ มัลติมีเดีย จำกัด ถือเป็นอีกก้าวหนึ่งตามแผนยุทธศาสตร์ ในการปรับโครงสร้างองค์กร เพื่อมุ่งธุรกิจ Fintech ครบวงจร โดยเงินจากการขาย 240 ล้านบาท เราจะนำไปขยายธุรกิจในเครือที่เกี่ยวกับ นวัตกรรมการเงิน เช่น บล. ลิเบอเรเตอร์”
“โดยล่าสุด บล. ลิเบอเรเตอร์ เพิ่งได้รับอนุญาตจากสำนักงานคณะกรรมการหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยเมื่อวันที่ 21 พฤศจิกายน 2565 ในการเปิดให้ดำเนินธุรกิจบริษัทหลักทรัพย์แบบเต็มรูปแบบ โดยโมเดลธุรกิจรายได้จะไม่ได้มาจากการคิดค่าบริการคอมมิชชัน หรือ ค่าคอมฯ 0% เพราะเราเชื่อใน Business Model อื่นในการทำรายได้ให้กับบริษัท”
นายกฤษฎา กล่าวเสริมว่า “ส่วนการขายธุรกิจสื่อฐานเศรษฐกิจออกไป ก็ถือเป็นสิ่งที่ทำให้ภาพธุรกิจขององค์กรชัดเจนมากยิ่งขึ้น และถือเป็นประโยชน์ Win Win กับทางธุรกิจกับทั้งผู้ซื้อและผู้ขาย”
นอกจากนี้ เดิมที่บริษัทฯเคยมีรายได้หลักจากการทำธุรกิจสื่อผ่านบริษัท ฐานเศรษฐกิจ จะเปลี่ยนเป็นมีรายได้เข้ามาจากธุรกิจ Fintech ต่างๆแทน จากการวางโครงสร้างธุรกิจการเงินที่ครบวงจรให้เป็น community สำหรับนักลงทุนทุกรุ่นแบบไร้ขีดจำกัด บล.Liberator จะได้รับดอกเบี้ยจากการซื้อขายแบบ Margin รวมไปถึง Product อื่นทางด้านการลงทุนตามสัดส่วนการถือหุ้นของ บล.ลิเบอเรเตอร์ ที่มีแผนจะเปิดตัวต่อไปในอนาคต
@mitihoonwealth
