เปิดตำนาน “CH” จากธุรกิจห้องแถวสู่ธุรกิจพันล้าน

1069

มิติหุ้น – จากผู้ผลิต ‘น้ำปลา และ ซีอิ๊ว’ เมื่อ 97 ปีที่แล้ว (พ.ศ. 2468) ของ 3 พี่น้อง “ตระกูลซี” ภายใต้ชื่อบริษัท จิ้นฮ่วย จำกัด พัฒนาจนมีโรงงานผลิตปลาซาร์ดีนกระป๋องแห่งแรกในประเทศไทยที่ประสบความสำเร็จเป็นอย่างมาก จึงได้ขยายกิจการไปสู่ธุรกิจ ‘ผลไม้กระป๋อง’ และในขั้นตอนการผลิตผลไม้กระป๋องนี่ ได้มีบางส่วนจากผลไม้ที่ไม่ได้ถูกนำไปใช้ ผู้บริหาร ณ ขณะนั้น จึงเล็งเห็นถึงโอกาสและพัฒนาไปสู่ธุรกิจ ‘ผลไม้อบแห้ง’ ทำให้สินค้าได้เริ่มส่งออกต่างประเทศในปี พ.ศ. 2508

ทั้งนี้ บ. จิ้นฮ่วย ได้พัฒนาสินค้าอย่างต่อเนื่องจาก Gen 1 ถึง Gen 3 ทั้งแบรนด์ของตัวเอง อย่าง ซูมาโก้ เรือรบ ผลไม้กระป๋อง ผลไม้อบแห้ง และรับจ้างผลิต OEM มาโดยตลอด กระทั่งปี พ.ศ. 2523 เทรนด์ตลาดด้านสุขภาพมาแรง ผู้บริโภคมีนิยมผลไม้อบแห้งมากขึ้น บ. จิ้นฮ่วย จึงได้ก่อตั้งโรงงานผลิตผลไม้อบแห้งซึ่งเป็นธุรกิจที่สร้างรายได้หลักให้กับบริษัท และได้เปลี่ยนชื่อบริษัทเป็น บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน)

จนมาสู่ Generation ล่าสุด … ศักดา ศรีแสงนาม ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท เจริญอุตสาหกรรม จำกัด (มหาชน) หรือ CH ยังคงพัฒนาและต่อยอดธุรกิจมาโดยตลอด ซึ่งให้ความสำคัญในการสร้างสรรค์ผลิตภัณฑ์ใหม่ๆเสมอ ขณะเดียวกัน บริษัทฯ ยังมีทีมวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ (R&D) เพื่อศึกษาค้นคว้าการวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหารชนิดใหม่ๆ เพื่อให้ได้มาซึ่งอาหารที่มีคุณภาพและตอบโจทย์สำหรับผู้บริโภค

อย่างไรก็ตาม กลุ่มตลาดอาหารเพื่อสุขภาพที่กำลังเติบโต ทำให้บริษัทฯ คิดค้นและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ออกมาตอบโจทย์ตลาด ซึ่งเป็นขนมเพื่อสุขภาพกราโนล่า (Granola) ภายใต้แบรนด์ ‘Meble’ และผลิตภัณฑ์อาหารโปรตีนจากพืช หรือ แพลนต์เบสต์ (Plant-based Foods) ที่บริษัทฯ คาดว่าจะสามารถเป็นสินค้า New S-curve ได้ อีกทั้งเทรนด์ของสินค้าและอาหารในกลุ่ม Healthy Food หรือ Plant Based ที่เพิ่มมากขึ้นนั่นทำให้เจริญอุตสาหกรรมตั้งเป้าที่จะเป็น “Innovative Healthy Food ผู้นำนวัตกรรมขนมขบเคี้ยวเพื่อสุขภาพ”

รวมถึงบริษัทฯ ได้ค้นพบแหล่งวัตถุดิบหลักในการนำมาทำผลไม้อบแห้งเพิ่ม นั้นคือมะม่วงที่ประเทศกัมพูชา ซึ่งมีมะม่วงเป็นจำนวนมากและมีรสชาติอร่อย บริษัทฯ จึงลงทุนก่อตั้งโรงงานในกัมพูชาเพื่อผลิตและพัฒนาสินค้า ‘มะม่วงอบแห้ง และ มะม่วงหิมพาน’ โดยคาดว่าสินค้ามะม่วงนี้จะสามารถเป็น King of Mango ในกลุ่มตลาดผลไม้อบแห้งได้

แผนการเติบโตอย่างต่อเนื่องของบริษัทฯ ได้วางแผนเตรียมลงทุนสร้างห้องเย็นในโรงงานเพิ่ม เพื่อใช้เตรียมสินค้าในการนำมาทำผลไม้อบแห้งที่ไม่ได้มีทุกฤดูกาล ซึ่งจะสามารถยืดเวลาได้นานถึง 4-6 สัปดาห์ และสต๊อกสินค้าได้มากถึง 1 พันตัน รองรับกับความต้องการบริโภคผลไม้อบแห้งที่จะมีมากขึ้น

อีกทั้งยังคงรอโอกาสในการเข้าไปบุกตลาดที่ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่มีประชากรจำนวนมาก มีความต้องการอุปโภคบริโภคสูง รวมถึงการเข้าไปบุกในตลาด EU โดยริเริ่มทำการโรดโชว์สินค้าร่วมกันสมาคมอาหารอนาคตตามประเทศต่างๆ ในขณะเดียวกันจะเร่งพัฒนาและคิดค้นสินค้าใหม่ๆเพิ่ม ซึ่งคาดว่าภายในปีหน้า (พ.ศ. 2566) จะปล่อยสินค้าใหม่ออกมาเป็นจำนวนมาก ตั้งแต่ครึ่งปีแรกของปี 66 รวมถึงการทำตลาดในประเทศไทย ทางบริษัทฯ มีแผนดำเนินการออกสินค้า “บางกอก เทสตี้” จับกลุ่มลูกค้าชาวต่างชาติที่เข้ามาท่องเที่ยวและต้องการของฝากกลับประเทศ

อย่างไรก็ตาม งานจัดแสดงสินค้าที่ฝรั่งเศส บริษัทฯได้รับการตอบรับอย่างล้นหลาม มีผู้สนใจผลิตภัณฑ์ของบริษัทฯ อีกทั้งสินค้าอาหารโปรตีนจากพืช หรือ แพลนต์เบสต์ (Plant-based Foods) ได้รับการันตี “Sial Selection” ส่งผลให้บริษัทฯ ได้รับการติดต่อจากนักลงทุนและผู้บริโภคเป็นจำนวนมาก

นอกจากนี้บริษัทยังคงมองหาโอกาสในการรับพาทเนอร์เข้ามาสร้างการเติบโตไปพร้อมกัน โดยเฉพาะในกลุ่มธุรกิจ Food Tech ซึ่งจะช่วยเสริมศักยภาพให้เจริญอุตสาหกรรมไปได้ไกล ขณะเดียวกันการเปิดเมืองที่มากขึ้น การขนส่งระหว่างประเทศเริ่มกลับมาเป็นปกติจะเสริมให้ยอดขายกลับมาเติบโตอย่างต่อเนื่อง ซึ่งล่าสุด บริษัทฯ ทำกำไรใน 6 เดือนแรกปี 65 เติบโตเทียบเท่าทั้งปี 64 รวมถึงทำรายได้ 6 เดือนแรกปี 65 ไปกว่า 936.35 ลบ. เพิ่มขึ้น 19% (YoY) บริษัทฯ จึงปรับเป้ารายได้ปี 65 เป็น 1.7–1.8 พันลบ. จากเดิมที่ตั้งไว้ 1.5 พันลบ.

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp