มิติหุ้น – PTT โดย บล.แลนด์ แอนด์ เฮ้าส์ ระบุว่า เมื่อวันศุกร์ ที่ประชุมคณะกรรมการนโยบายพลังงานแห่งชาติ (กพช.) มีมติเห็นชอบแนวนโยบายการบริหารจัดการก๊าซธรรมชาติเพื่อลดภาระค่าไฟฟ้าในช่วงวิกฤตราคาพลังงาน โดยมีมติที่สำคัญคือการขอความร่วมมือจาก PTT ให้พิจารณาจัดสรรรายได้จากการดำเนินธุรกิจโรงแยกก๊าซฯ ประมาณ 1.5 พันลบ./เดือน ระยะเวลา 4 เดือน (ม.ค.-เม.ย. 66) มาช่วยสนับสนุนเพื่อลดค่าไฟฟ้าใน 2 ส่วนคือเป็นส่วนลดราคาก๊าซฯ ให้กับ กฟผ. และส่วนที่ 2 เป็นส่วนลดราคาก๊าซฯ สำหรับคำนวณต้นทุน LPG เพื่อเป็นเชื้อเพลิง นอกจากนั้น กพช. ยังเห็นชอบให้ ปตท. ร่วมกับ กฟผ. โดยให้ ปตท. คิดราคาก๊าซฯ สำหรับโรงไฟฟ้าของ กฟผ. IPP และ SPP ในระดับราคาเดียวกับที่ใช้ประมาณการค่าไฟฟ้าตามสูตรการปรับอัตราค่า Ft
ฝ่ายวิจัยมองประเด็นดังกล่าวหากเกิดขึ้นจริงจะเป็นลบอีกครั้งต่อ PTT หลังจากได้รับผลกระทบจากนโยบายภาครัฐมาต่อเนื่องทั้งการนำส่งเงินเข้า Oil fund รวม 3 พันลบ. และการปรับลดค่าผ่านท่อตามโครงสร้างราคาก๊าซธรรมชาติใหม่ของ กกพ. ทำให้รายได้หายไปปีละ 6 พันลบ. โดยพื้นฐานธุรกิจก๊าซฯ ของ PTT เองก็อ่อนแอลงอยู่แล้วจากต้นทุนเนื้อก๊าซสูงขึ้นมากตามราคา LNG ตลาดโลก แต่ราคาขายได้รับผลกระทบในส่วนของลูกค้า IU ที่อิงราคาน้ำมันเตาที่ปรับช้ากว่า และราคาขายของโรงแยกก๊าซ GSP ที่อิงราคาปิโตรเคมีที่อ่อนแอ รวมถึงปริมาณขายก็ได้รับผลกระทบจากความต้องการของโรงไฟฟ้าลดลงจากการหันไปใช้น้ำมันดีเซลและสัดส่วน Hydro เพิ่มขึ้น อย่างไรก็ตาม เราก็มองว่า หากราคาน้ำมันดิบไม่ลดลงแรงเกินไป ผลกระทบดังกล่าวไม่น่าจะส่งผลทำให้ PTT จ่ายเงินปันผลลดลงจากระดับ 2 บ./หุ้น ซึ่งหากอิงราคาหุ้น 33 บ. ยังให้อัตราเงินปันผลสูงถึง 6% จึงจำกัดการปรับลงแรงของราคาหุ้นได้ เรายังแนะนำ “ซื้อเมื่ออ่อนตัว” เป้า 44 บ.
@mitihoonwealth
