SM เคาะราคา IPO 2.04 บาท/หุ้น ระดมทุน 612 ลบ. เปิดจองซื้อ 8, 9 และ 13 ธ.ค. นี้  ลุยปั้นพอร์ตสินเชื่อรายย่อยโต-ขยายสาขาเจาะลูกค้าเพิ่มรับ EEC บูม

323

มิติหุ้น – “บมจ.สตาร์ มันนี่ (SM)” เคาะราคาขาย IPO หุ้นละ 2.04 บาท เตรียมเปิดจองซื้อ วันที่ 8, 9 และ 13 ธ.ค.นี้ ได้เงินระดมทุน 612 ล้านบาท สร้างความเชื่อมั่นต่อนักลงทุน และเดินหน้าก้าวสู่ผู้นำในธุรกิจสินเชื่อรายย่อย เร่งขยายสาขากลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก ฐานที่มั่นสำคัญที่มีศักยภาพสูง รองรับการเติบโต EEC พร้อมบุกหัวเมืองใหญ่ สร้างการเติบโตให้ธุรกิจอย่างยั่งยืน ปักธงเทรด SET 20 ธ.ค. 65

นายชูศักดิ์ วิวัฒน์วงศ์เกษม กรรมการผู้จัดการ บริษัท สตาร์ มันนี่  จำกัด (มหาชน) หรือ SM เปิดเผยว่า SM ได้ลงนามแต่งตั้ง บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจัดจำหน่าย พร้อมด้วยผู้ร่วมจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายอีก 4 หลักทรัพย์ คือ บริษัทหลักทรัพย์ ฟินันเซีย ไซรัส จำกัด (มหาชน), บริษัทหลักทรัพย์ กรุงไทย เอ็กซ์สปริง จำกัด, บริษัทหลักทรัพย์ เอเซีย พลัส จำกัด และบริษัทหลักทรัพย์ หยวนต้า (ประเทศไทย) จํากัด

นับเป็นอีกก้าวความสำเร็จและความภาคภูมิใจของ SM ในฐานะผู้ให้บริการด้านสินเชื่อและผลิตภัณฑ์ทางการเงินชั้นนำในภาคตะวันออก  ด้วยผลการดำเนินงานมีแนวโน้มเติบโตอย่างโดดเด่น โดยบริษัทให้บริการสินเชื่อรายย่อยแบบมีหลักประกันประเภททะเบียนรถจักรยานยนต์ รถยนต์ รถยนต์เพื่อการพาณิชย์ รถใช้งานเพื่อการเกษตร รวมถึงสินเชื่อที่ดินและสิ่งปลูกสร้าง รวมถึงขายสินค้าประเภทเครื่องใช้ไฟฟ้าทั้งในรูปแบบขายเงินสดและขายเงินผ่อน การเข้าระดมทุนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทยในครั้งนี้ จึงถือเป็นหนึ่งในแผนงานและก้าวย่างที่สำคัญของสตาร์ มันนี่ ที่จะช่วยเสริมศักยภาพการเติบโตอย่างยั่งยืนเพื่อเพิ่มโอกาสทางธุรกิจ

เงินที่ได้จากการระดมทุนจำนวนประมาณ 583 ล้านบาท (หลังหักค่าใช้จ่ายที่เกี่ยวข้อง) นำไปใช้ขยายธุรกิจการให้บริการสินเชื่อทุกประเภท ขยายสาขา รวมถึงธุรกิจที่เกี่ยวเนื่อง เช่น ธุรกิจนายหน้าประกันวินาศภัย และ/หรือประกันชีวิต เป็นต้น นอกจากนี้ ใช้ชำระคืนเงินกู้ยืมบางส่วนจากสถาบันการเงิน และใช้เป็นเงินทุนหมุนเวียน เพื่อรองรับการเติบโตของบริษัทฯ ในอนาคต อีกทั้งเป็นการยกระดับมาตรฐานของบริษัทฯ เข้าสู่มาตรฐานสากล เพิ่มความน่าเชื่อถือในด้านภาพลักษณ์ ให้เป็นที่ยอมรับของลูกค้าและคู่ค้า รวมถึงเพิ่มศักยภาพในการแข่งขัน

ทั้งนี้ SM จะเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรก (IPO) จำนวน 300 ล้านหุ้น คิดเป็น 27.27% ของจำนวนหุ้นที่ออกและจำหน่ายได้แล้วทั้งหมดของบริษัทฯ ภายหลังการเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนในครั้งนี้ โดยมีบริษัท ธนาธิวัตถ์ จำกัด ซึ่งเป็นผู้ถือหุ้นรายใหญ่ในสัดส่วนก่อน IPO 43% หลัง IPO ในสัดส่วนที่ประมาณ 31.27% และกลุ่มครอบครัวลาวัณย์เสถียร สัดส่วนก่อน IPO 40.72% หลัง IPO สัดส่วนอยู่ที่ 29.61%

นางศิริพร เหล่ารัตนกุล ผู้ช่วยกรรมการผู้จัดการ ฝ่ายวาณิชธนกิจ 2 บริษัทหลักทรัพย์ เคจีไอ (ประเทศไทย) จำกัด (มหาชน) ในฐานะที่ปรึกษาทางการเงินและผู้จัดการการจัดจำหน่ายและรับประกันการจำหน่ายของบริษัท สตาร์ มันนี่ จำกัด (มหาชน) หรือ “SM” เปิดเผยว่า SM ได้กำหนดราคาเสนอขายหุ้นสามัญต่อประชาชนทั่วไปเป็นครั้งแรกที่ราคา 2.04 บาทต่อหุ้น มูลค่าการเสนอขาย 612 ล้านบาท โดยสามารถจองซื้อหุ้น IPO ได้ในวันที่ 8, 9 และ 13 ธันวาคม 2565 โดยคาดว่าจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (SET) วันที่ 20 ธันวาคมนี้ ในหมวดธุรกิจเงินทุนและหลักทรัพย์ (ธุรกิจการเงิน) ในชื่อย่อหลักทรัพย์ว่า “SM”

สำหรับราคาหุ้นสามัญที่เสนอขายหุ้นละ 2.04 บาท ถือเป็นระดับราคาที่เหมาะสม คิดเป็นอัตราส่วนราคาต่อกำไรสุทธิ (P/E) เท่ากับ 17.25 เท่า โดยคำนวณกำไรสุทธิต่อหุ้นจากผลการดำเนินงานในช่วง 4 ไตรมาสล่าสุด (ตั้งแต่วันที่ 1 ตุลาคม 2564 ถึงวันที่ 30 กันยายน 2565) ทั้งนี้ พิจารณานำ P/E เฉลี่ยของบริษัทเทียบเคียงในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ในช่วง 12 เดือนย้อนหลัง มาเป็นข้อมูลประกอบการเปรียบเทียบ ซึ่งมีค่าเฉลี่ยของ P/E เท่ากับ 29.71 เท่า

ด้วยปัจจัยพื้นฐานที่แข็งแกร่งของธุรกิจ และศักยภาพการเติบโตภายหลังจากการเข้าระดมทุนครั้งนี้ จะช่วยเสริมแกร่งแหล่งเงินทุนให้ SM พร้อมชูกลยุทธ์ในการดำเนินธุรกิจในอีก 4 ปีข้างหน้า ระหว่างปี 2565 – 2568 ด้วยการพัฒนาต่อยอดผลิตภัณฑ์สินเชื่อทางการเงินใหม่ๆ ที่หลากหลาย พร้อมทั้งขยายสาขาให้ครอบคลุมพื้นที่ให้บริการตามจังหวัดที่สำคัญของประเทศ อีกทั้ง จากประสบการณ์การทำงานยาวนานมากกว่า 30 ปี และมีความสัมพันธ์ที่ดีในภาคตะวันออกเป็นอย่างดี  ซึ่งเป็นจุดแข็งที่ทำให้ SM สามารถขยายกลุ่มลูกค้าภาคตะวันออก ซึ่งเป็นฐานที่มั่นสำคัญที่มีศักยภาพสูง เนื่องจากการเติบโตและการขยายของ EEC ทำให้พื้นที่ดังกล่าวมีกำลังซื้อเพิ่มขึ้น ทั้งภาคครัวเรือน ภาคอุตสาหกรรม และภาคการท่องเที่ยว เป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้ SM สามารถเติบโตอย่างก้าวกระโดดได้อย่างเข้มแข็ง และยั่งยืน

ในด้านผลการดำเนินงานในงวด 9 เดือนแรกของปี 2565 SM มีรายได้รวมอยู่ที่ 1,066.84 ล้านบาท เติบโต 12.09% จากงวดเดียวกันของปีก่อน และมีกำไรสุทธิอยู่ที่ 80.79 ล้านบาท พร้อมด้วยการควบคุมลูกหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (NPL) ต่อสินเชื่อรวมอยู่ในระดับใกล้เคียงกับอุตสาหกรรมที่ 4.48% โดยมีสัดส่วนรายได้จากการขายสินค้าสัดส่วน 61.87% รายได้ดอกเบี้ยจากสัญญาเช่าซื้อ 5.86% รายได้ดอกเบี้ยจากการให้กู้ยืม 28.28% รวมถึงรายได้ค่าธรรมเนียมและบริการ และรายได้อื่นอยู่ที่ 3.99%

อย่างไรก็ดี ในปี 2565 คาดว่าผลประกอบการจะใกล้เคียงของปี 2564 เนื่องจากยังคงได้รับผลกระทบจากการแพร่ระบาดโควิด-19 ต่อเนื่องจากปีก่อน แต่ในปี 2566 คาดว่าจะสามารถเติบโตได้มากกว่าปีที่ผ่านมา เนื่องจากเศรษฐกิจโดยรวมเริ่มฟื้นตัว มีปัจจัยหนุนจาก EEC และเงินระดมทุนจะสนับสนุนแผนการเติบโต

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp