มิติหุ้น – นายพีระภัทร ศิริจันทโรภาส กรรมการผู้จัดการ บริษัท ชาร์จ แมเนจเม้นท์ จำกัด (SHARGE)ผู้นำด้านการสร้าง EV Charging Ecosystem เพื่อตอบโจทย์ไลฟ์สไตล์การใช้ชีวิตอย่างยั่งยืนกล่าวว่า จากวิสัยทัศน์มุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร บริษัทเร่งยกระดับ EV Infrastructure ให้สามารถเชื่อมต่อ EV Charger ได้ทุกรูปแบบ เพื่อเติมเต็ม Lifestyle Charging Ecosystem ของผู้บริโภคตลอด 24 ชั่วโมง จึงพัฒนาแอปพลิเคชัน “SHARGE” ให้มีฟีเจอร์การใช้งานที่หลากหลาย และสามารถผสานการทำงานร่วมกับแพลตฟอร์มทุกรูปแบบของเครือข่ายพันธมิตรหลากอุตสาหกรรมระดับประเทศและระดับโลก พร้อมรองรับกระแสตอบรับความต้องการรถ EV อย่างต่อเนื่องในช่วง Motor Expo 2022
“หากจะให้ EV Infrastructure เติบโตได้ การใช้บริการ EV Charger ตามสถานีต่างๆ ของผู้บริโภคจะต้องสะดวกที่สุด ตั้งแต่การค้นหาสถานี การจองใช้บริการ การชำระเงิน ดังนั้น นอกจากเราจะจับมือกับพันธมิตรเพื่อขยายสถานีชาร์จ EV อย่างต่อเนื่องแล้ว เรายังพัฒนาแอปพลิเคชันให้พร้อมรองรับการเชื่อมบริการกับพันธมิตรหลากเซ็กเตอร์ อาทิ กลุ่มยานยนต์ กลุ่มสถานีพลังงาน กลุ่มช่องทางการชำระเงิน ไปจนถึงกลุ่มสิทธิประโยชน์ และเดินหน้าเจรจากับพันธมิตรใหม่ๆ อย่างต่อเนื่อง เพื่อให้แอปพลิเคชัน SHARGE มีบริการที่สะดวกและตอบโจทย์การใช้งานของผู้ใช้รถ EV มากที่สุด” นายพีระภัทร กล่าว
เบื้องต้น SHARGE ได้ขยายฐานลูกค้าให้บริการไปยังผู้ใช้ EVme แพลตฟอร์มให้เช่ารถ EV ให้สามารถค้นหาจุดชาร์จและเชื่อมการทำงานระหว่างแอปพลิเคชันได้ทันที เพื่อให้ผู้ใช้งานสามารถเข้าถึงสถานีชาร์จ EV ที่กระจายตามแหล่งไลฟ์สไตล์ต่างๆ ทั้งสถานีบริการพลังงาน ห้างสรรพสินค้า ออฟฟิศ โรงแรม โชว์รูม ฯลฯ ของ SHARGE ได้ง่ายดายยิ่งขึ้น ขณะเดียวกัน เตรียมขยายช่องทางการชำระเงินและสิทธิประโยชน์กับอีกหลากหลายพันธมิตร อาทิ การจับมือกับ Central Group ให้สามารถนำแต้ม The1 มาใช้ชำระค่าบริการของ SHARGE การจับมือร่วมกับ XSpring Digital ผู้ให้บริการระบบเสนอขายโทเคนดิจิทัล (ICO Portal) และ ERX แพลตฟอร์มซื้อขายโทเคนดิจิทัล เปิดตัวโทเคนดิจิทัลเพื่อการใช้ประโยชน์แบบพร้อมใช้ (Ready-to-Use Utility Token) ภายใต้ชื่อ SHARGE Token ในลักษณะ Loyalty Program ให้ผู้ใช้บริการสามารถนำโทเคนมาเป็นส่วนลดหรือแลกสิทธิพิเศษต่างๆ จาก SHARGE และเครือข่ายพันธมิตรอื่นๆ ในอนาคต คาดว่าจะเปิดให้ใช้บริการเหรียญดังกล่าวได้ภายใน Q1/2023 นี้
ขณะเดียวกัน บริษัทยังได้จับมือกับพันธมิตรค่ายรถยนต์ยักษ์ใหญ่และบริษัทสถานีพลังงานยักษ์ใหญ่ของโลก เพื่อเชื่อมโยงบริการแอปพลิเคชันของบริษัทกับผู้ใช้งานของทั้ง 2 พันธมิตรดังกล่าว คาดว่าจะเปิดเผยรายละเอียดอย่างเป็นทางการได้ภายในสิ้นปีนี้
นายพีระภัทร กล่าวเพิ่มเติมว่า บริษัทยังได้เสริมความแข็งแกร่งของแอปพลิเคชัน SHARGE ให้สามารถอำนวยความสะดวกแก่เจ้าของสถานีบริการชาร์จ และผู้เข้าใช้บริการด้วยหลากหลายฟีเจอร์ อาทิ Navigation and Filter Tools ระบบค้นหาอัจฉริยะที่สามารถโชว์จุดชาร์จ EV ตามประเภทหัวชาร์จที่ต้องการ Queuing & Customer Management ระบบจองการใช้งานล่วงหน้าได้ 24 ชั่วโมง พร้อมระบบคำนวณเวลาและพลังงานที่ช่วยผู้ใช้งานวางแผนการชาร์จ EV ได้อย่างง่ายดาย Flexible Payment Model ระบบจ่ายค่าบริการที่จัดสรรตามโลเคชั่นและระยะเวลาการชาร์จ Lifestyle and Privilege Programs เชื่อมเข้ากับฐานข้อมูลสมาชิกของพันธมิตรเครือข่าย ให้ผู้ใช้บริการสามารถสะสมคะแนนและรับสิทธิประโยชน์ต่างๆ ได้ตลอดเส้นทาง อาทิ รับส่วนลดพิเศษสำหรับลูกค้า Shell – Porsche, สะสมคะแนน Shell GO+, สะสมหรือแลกเปลี่ยนคะแนน สำหรับสมาชิก The1 พร้อมเตรียมขยายบริการโทเคนดิจิทัล และสิทธิประโยชน์สำหรับสมาชิกร่วมกับพันธมิตรเครือข่ายอย่างต่อเนื่อง
ขณะที่เจ้าของสถานีบริการชาร์จสามารถใช้ฟีเจอร์ Verification & Identification ยืนยันตัวตนผู้ใช้บริการสำหรับสถานีบริการในองค์กรหรือพื้นที่ส่วนบุคคล Admin Dashboard อำนวยความสะดวกให้เจ้าของสถานีสามารถดูประสิทธิภาพการทำงานของ EV Charger และการดำเนินงานของสถานีได้แบบเรียลไทม์ รวมถึงพัฒนาระบบให้พร้อมรองรับการขยายบริการอื่นๆ ในอนาคต
“SHARGE มุ่งพัฒนา EV Charging Solution เข้ามาช่วยบริหารจัดการ ทั้งพลังงาน เวลา และค่าใช้จ่ายให้เจ้าของสถานีและผู้ใช้บริการได้รับประสบการณ์ชาร์จ EV ที่ดีที่สุด SHARGE ยังมีแผนเชื่อมโยงแอปพลิเคชัน SHARGE เข้ากับแพลตฟอร์มของ Global Company รายอื่นๆ ในหลากเซ็กเตอร์อย่างต่อเนื่อง เพื่อขยาย EV Charging Ecosystem สร้างความมั่นใจในการเดินทางให้กับผู้ใช้งานรถ EV และเพิ่มโอกาสให้ SHARGE สามารถก้าวขึ้นมาเป็นผู้นำอันดับ 1 ในการให้บริการ EV Charging Solution ครบวงจร และคาดว่าจะสร้างการเติบโตได้ 200%” นายพีระภัทร กล่าว
ปัจจุบัน บริษัทมุ่งให้บริการครอบคลุมทุกไลฟ์สไตล์ผู้ใช้รถ EV ได้แก่ กลุ่ม NIGHT เน้นชาร์จภายในบ้าน และพื้นที่ส่วนกลางโครงการที่อยู่อาศัยในช่วงค่ำคืน กลุ่ม DAY เน้นชาร์จที่จุดหมายปลายทาง เช่น อาคารสำนักงาน สถานศึกษา ศูนย์การค้าขนาดใหญ่ แหล่งไลฟ์สไตล์ และกลุ่ม ON THE GO เน้นชาร์จตามสถานีบริการระหว่างการท่องเที่ยว หรือการเดินทางข้ามจังหวัด โดยบริษัทถือเป็นผู้ให้บริการ EV Charger รายใหญ่ที่สุดในกลุ่ม NIGHT หรือกลุ่มการชาร์จในที่อยู่อาศัย ขณะเดียวกัน กลุ่ม DAY และ ON THE GO มีสถานีให้บริการตามสถานที่ต่างๆ กว่า 200 แห่ง 1,000 หัวชาร์จทั่วประเทศ ตลอด 24 ชั่วโมง คาดว่าการเติบโตของตลาดรถ EV และการเดินหน้าจับมือพันธมิตรหลากเซ็กเตอร์อย่างต่อเนื่อง จะส่งผลให้บริษัทมียอดผู้ใช้งานแอปพลิเคชัน ทะลุ 30,000 รายภายในสิ้นปี 2566 โดยผู้ใช้บริการสามารถดาวน์โหลดแอปพลิเคชันใน App Store ได้ที่ https://bit.ly/ShargeAppStoreและ Play Store ได้ที่ https://bit.ly/ShargePlayStore
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp