มิติหุ้น – CK โดย บล.กสิกรไทย ระบุว่า บริหารเชื่อว่าบริษัทฯ จะเซ็นสัญญา 2 โครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ภายใน ในปี 2565 ได้แก่ 1) โครงการรถไฟฟ้าสายสีส้ม ฝั่งตะวันออก (มูลค่าก่อสร้าง 9.6 หมื่นลบ.)
2) โครงการเพื่อนและโรงไฟฟ้าหลวงพระบาง (มูลค่าก่อสร้าง 8.0 หมื่นลบ., 3) ผู้บริหารกำลังดำเนินการต่อสัญญาผลิตน้ำระหว่าง บริษัท ประปาปทุมธานี จำกัด (PTV) และการประปาส่วนภูมิภาคไปอีก 20 ปี หลังสัญญาปัจจุบันจะสิ้นสุดลงในเดือน ต.ค. 2566
ส่วนแนวทางด้านการเงิน ผู้บริหารตั้งเป้ากำไรปกติเติบโตขึ้น 2 เท่า ในปี 2566 ธุรกิจก่อสร้างของ CK จะมีมูลค่า backlog มากกว่า 2 แสนลบ. ภายในสิ้น ปีนี้ นอกจากธุรกิจก่อสร้างแล้ว ผู้บริหารยังคาดว่าส่วนแบ่งกำไรจากบริษัทในเครือของ CK จะช่วยหนุนเป้าการเติบโตของกำไร ในปี 2566
ด้านธุรกิจที่ไม่ใช่ก่อสร้าง ผู้บริหารของ CK ตั้งเป้ากำไรปกติของ BEM เติบโตขึ้น 40-50% YoY ในปี 2566 เทียบกับคาดการณ์อัตราเติบโตของกำไรปกติ ปี 2566 ที่ 44% จาก ณ เดือน ต.ค. 2565 BEM รายงานปริมาณจราจรบนทางด่วนรายวัน 1.08 ล้านเทียว (87% ก่อนเกิดโควิด-19) และปริมาณผู้โดยสารรถไฟฟ้ารายวันที่ 3.41 แสนเที่ยว (91% ของระดับก่อนเกิคโควิด-19)
ในส่วนของ CKP นักวิเคราะห์คาดว่ากำไรของ CKP จะทรงตัวและจะเติบโตขึ้นเมื่อโครงการหลวงพระบางเริ่มดำเนินการผลิต สำหรับ TTW เงินปันผลทรงตัวอยู่ที่ 465 ลบ. ซึ่งภาคจะทรงตัวไปอีกซักระยะหลังต่อสัญญาใหม่ในปี 2566 ไปอีก 20 ปี
ดังนั้นหากเปรียบเทียบกับระดับก่อนเกิดโค วิด-19 (ปี 2562) คาดมูลค่า backlog สิ้นปี 2565 จะอยู่ที่ 590% ขณะที่คาดว่ากำไรปกติ ปี 2566 จะอยู่ที่ 188% และกำไรปกติปี 2567 คาดอยู่ที่ 740% ของระดับก่อนเกิดโควัค-19 ราคาหุ้นขณะนี้เท่ากับแค่ 123% ของระดับก่อนเกิดโควิค-19 ดังนั้น ราคาหุ้นจะมี upside เพิ่มเติมอีกอิงจากแนวโน้มยอด backlog และกำไรสุท แข็งแกร่ง จึงคงคำแนะนำ “ซื้อ” CK ที่ 30.87 บาท/หุ้น
@mitihoonwealth