กระทรวงการคลัง แจ้งการจัดเก็บภาษีการขายในตลาดหลักทรัพย์

72

มิติหุ้น – นายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง (กค.) เปิดเผยว่า หลังมอบหมายให้ทางสรรพากรศึกษาเกี่ยวกับผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลาดหลักทรัพย์ฯ) ทำให้ทางกระทรวงการคลังมั่นใจว่า ไม่มีผลกระทบต่อการซื้อขายในตลาดหลักทรัพย์ฯ เนื่องจากจัดเก็บภาษีในครั้งนี้ ยังคงต่ำกว่าฮ่องกงที่มีภาระต้นทุนรวม 0.38% รวมถึง มาเลเซียที่มีภาระต้นทุนรวม 0.29% ขณะที่สิงคโปร์มีภาระต้นทุนรวมใกล้เคียงกับไทยที่ระดับ 0.22%

สำหรับในปีแรกของการบังคับใช้รัฐบาลจะกำหนดอัตราภาษีที่ต่ำ โดยคิดเป็น 0.055% ของมูลค่าการขาย และหากรวมค่าธรรมเนียมของโบรกเกอร์ผู้ขายจะมีภาระรวมอยู่ที่ 0.195%

ทั้งนี้ การจัดเก็บภาษีครั้งนี้ ไม่ใช่ภาษีที่เก็บจาก Capital gain หรือกำไรจากการขายหุ้น ซึ่งเก็บภาษีเฉพาะภาษีการขาย โดยคาดว่าจะไม่เป็นภาระกับนักลงทุน อย่างไรก็ดี เมื่อผู้ขายหุ้นเสียภาษีโดยมีบริษัทหลักทรัพย์เป็นผู้ยื่นนำส่งภาษีแล้ว ไม่จำเป็นต้องนำรายได้มายื่นคำนวณรวมในสิ้นปีอีกครั้ง (Final tax)

นอกจากนี้ การขายจากกองทุนเพื่อการเกษียณอายุ อาทิ กองทุนบำเหน็จ, บำนาญข้าราชการ (กบข.), ประกันสังคม และกองทุนสำรองเลี้ยงชีพ รวมถึง Market Maker ที่มีมูลค่าซื้อค่ารวมกันไม่เกิน 15% ของมูลค่าซื้อขายทั้งหมด ซึ่งถือเป็นกรณีข้อยกเว้นภาษี

นายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพากร เปิดเผยว่า การจัดเก็บภาษีครั้งนี้ ทางกรมสรรพากรจะจัดเก็บจากการขายหุ้นตั้งแต่บาทแรกของรายได้จากการขาย ซึ่งคาดว่ากรมสรรพากรจะมีรายได้จากภาษีนี้ 15,000-16,000 ล้านบาท โดยการจัดเก็บภาษีครั้งนี้ในปี 66 ทางกระทรวงการคลังจะจัดเก็บภาษีในอัตรา 0.055% (รวมภาษีท้องถิ่น) และในปี 67 จะจัดเก็บเต็มเพดานที่กฎหมายกำหนดคือ 0.11% โดยกฎหมายนี้จะมีผลบังคับใช้หลังจากประกาศในราชกิจจานุเบกษาแล้ว 90 วัน เพื่อให้นักลงทุนรับทราบข้อมูลอย่างทั่วถึง คาดว่าเริ่มใช้ Q2/66

@mitihoonwealth

https://lin.ee/cXAf0Dp