“บล.พาย” แนะ สัปดาห์นี้ติดตามเงินเฟ้อไทยและดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯ

88

มิติหุ้น  –  บทวิเคราะห์จาก บริษัทหลักทรัพย์ พาย จำกัด (มหาชน) หรือ “Pi” “พาย” แนะ ตลาดหุ้น Dow Jones คืนอ่อนตัวลง 1.4% หลังสหรัฐฯเปิดเผยดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการที่ 56.5 สูงกว่าตลาดคาดการณ์ที่ 53.5 ส่งผลให้ตลาดกังวลกับการขึ้นดอกเบี้ยของสหรัฐฯ ด้านราคาน้ำมันดิบ BRT ปรับลง 3.4% รับแรงกดดันจากการปรับฐานของตลาดหุ้น Dow Jones

ในคืนวันศุกร์สหรัฐฯได้รายงานการจ้างงานนอกภาคเกษตรที่ 2.63 แสนรายสูงกว่าตลาดคาดที่ 2 แสนราย พร้อมกับอัตราการว่างงานที่ 3.7% สอดคล้องกับตลาดคาดการณ์ แต่ค่าจ้างเฉลี่ยรายชั่วโมงขยายตัว 0.6%MoM ใส้ในของการจ้างงานพบว่าหากเปรียบเทียบกับเดือน ต.ค.  Sector ที่มีการจ้างงานสูงขึ้นได้แก่ ก่อสร้าง ภาคบริการด้านการท่องเที่ยว และภาครัฐบาล ส่วน Sector อื่นๆส่วนใหญ่มีการจ้างงานที่ลดลงเมื่อเทียบกับเดือน ต.ค. ตัวเลขดังกล่าว

ถือเป็นตัวสะท้อนว่าแม้การจ้างงานสหรัฐฯจะสูงกว่าตลาดคาดไว้ แต่ใส้ในยังคงดูอ่อนแอ ภายหลังจากการรายงานตัวเลขข้างต้นพบว่า Dollar Index ยังคงอ่อนค่าและทองคำก็มิได้ปรับลงอย่างมีนัยยะสำคัญ ส่วนความเห็นล่าสุดของ CME FED WATCH ระบุว่าน้ำหนักขึ้นดอกเบี้ย 0.5% ในประชุม ธ.ค. ยังคงอยู่ระดับสูงที่ 78.2% หมายความว่าตลาดมิได้ให้น้ำหนักเท่าใดนักกับตัวเลขภาคแรงงานที่สูงกว่าตลาดคาดไว้ สำหรับการประชุม OPEC+ ที่ประชุมยังคงไม่ได้เพิ่มหรือลดกำลังการผลิตแต่อย่างใด ส่วนสัปดาห์นี้ในประเทศติดตามเงินเฟ้อไทยประจำเดือน พ.ย. Bloomberg คาดที่ 5.9% , 0.2%MoM หากประกาศแล้วต่ำกว่าตลาดคาดหมายไว้จะยิ่งหนุนให้เงินบาทแข็งค่าต่อเนื่อง (บวกกับกระแสเงินทุนต่างชาติ) ส่วนต่างประเทศอย่างสหรัฐฯจะเน้นไปที่ (1) ดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อภาคบริการ (ISM) ในวันจันทร์ Bloomberg คาดที่ 53.5 (2) ผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานของสหรัฐฯในวันพฤหัสบดี Bloomberg คาดที่ 2.3 แสนราย (3) ดัชนีราคาผู้ผลิตของสหรัฐฯในวันศุกร์ Bloomberg คาดที่ 7.2%YoY 0.2%MoM หากประกาศแล้วต่ำกว่าตลาดคาดการณ์ไว้ มองเป็นบวกกับตลาดหุ้น ประเมินการ

เคลื่อนไหวสัปดาห์นี้ที่ 1600 – 1650 เชิงกลยุทธ์การลงทุนคงคำแนะนำเพิ่มการถือครองเงินสดหลังจากที่ดัชนีตลาดหุ้นโลกปรับขึ้นมารับปัจจัยบวกด้านการผ่อนคลายดอกเบี้ยไปพอสมควร ขณะที่ความเสี่ยงเศรษฐกิจถดถอยช่วงถัดไปยังเป็นปัจจัยกดดัน ส่วนหุ้นแนะนำยังเน้นที่ Domestic ด้วยการฟื้นตัวของผลประกอบการที่เด่นชัด อาทิ ค้าปลีก (BJC CPALL HMPRO) ธนาคารพาณิชย์ (BBL KBANK SCB TISCO TTB) สื่อสาร (ADVANC INTUCH) ท่องเที่ยว (AOT CENTEL MINT SPA SHR) อสังหาฯ (AP LH SPALI) โรงภาพยนตร์ (MAJOR) พร้อมแนะสะสมโรงไฟฟ้ารับกระแสดอกเบี้ยใกล้จุดสูงสุด (BGRIM GPSC)

               MAJOR (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 21.40 บาท) คาดว่าเรื่อง Avatar: The Way of Water ที่จะเข้าฉายวันที่ 16 ธ.ค. จะมีผู้เข้าชมมากขึ้นหลังจากภาคแรกทำเงินไปได้ 270 ล้านบาททั่วประเทศในปี 2009 ส่วนในปี 2023 คาดว่าตารางภาพยนตร์จะน่าตื่นเต้นมากกว่าปี 2022 และ 2021 เพราะเป็นภาพยนตร์ทำเงินภาคต่อเป็นส่วนมาก ที่มักดึงดูดผู้ชมได้เป็นอย่างดี

               TISCO (ซื้อ / ราคาเป้าหมาย 108.00 บาท) 1) งบดุลยืดหยุ่นดี และ 2) อัตราผลตอบแทนเงินปันผลที่น่าดึงดูด สำหรับในระยะสั้นคาดว่า BBL และ TISCO จะมีกำไรสุทธิในไตรมาส 4/22 ที่โตขึ้น YoY และ QoQ เทียบกับกลุ่มโดยรวมที่คาดว่าจะโต YoY แต่ลดลง QoQ

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp