ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลง หลังตลาดยังคงกังวลต่อภาวะเศรฐกิจชะลอตัว
ขณะที่อัตราดอกเบี้ยสหรัฐฯ มีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา
– ราคาน้ำมันดิบเวสเท็กซัสและเบรนท์ปรับตัวลดลงกว่า 1% เนื่องจากตลาดยังคงกังวลต่อสภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว ขณะที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ว่าการประชุมของธนาคารกลางสหรัฐฯ (เฟด) ที่จะมีขึ้นในสัปดาห์หน้า เฟดมีแนวโน้มประกาศเร่งขึ้นอัตราดอกเบี้ยที่ 50 bps. เพื่อชะลอภาวะเงินเฟ้อ ซึ่งจะเป็นปัจจัยกดดันต่ออุปสงค์เชื้อเพลิงในตลาด
+ บริษัท TC Energy ในแคนาดาประกาศปิดท่อขนส่งน้ำมันดิบ Keystone ซึ่งเป็นท่อขนส่งขนาดใหญ่จากแคนาดาไปยังสหรัฐฯ ซึ่งมีกำลังการขนส่งกว่า 0.622 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังเกิดการรั่วไหลของน้ำมันในลำธารแห่งหนึ่งของรัฐแคนซัส อย่างไรก็ดี นักวิเคราะห์มองว่าสหรัฐฯ ยังคงมีน้ำมันสำรองเพียงพอต่อการรองรับการหยุดชะงักดังกล่าวซึ่งคาดว่าจะส่งผลกระทบเพียงแค่ระยะสั้น
+ อุปสงค์ในจีนมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น หลังจีนประกาศคลายมาตรการควบคุมการแพร่ระบาดโควิด-19 ซึ่งรวมไปถึงการอนุญาตให้ผู้ป่วยที่มีอาการน้อยกักตัวที่บ้าน และการงดตรวจหาเชื้อสำหรับผู้เดินทางในประเทศ
ราคาน้ำมันเบนซิน – ราคาน้ำมันเบนซินปรับลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังตัวเลขน้ำมันเบนซินคงคลังสหรัฐฯ ประจำสัปดาห์ปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าที่นักวิเคราะห์คาดการณ์ ขณะที่ปริมาณการซื้อขายที่ญี่ปุ่นในเดือน พ.ย. ปรับตัวลดลงเข้าใกล้ระดับต่ำสุดในรอบ 5 ปี
ราคาน้ำมันดีเซล – ราคาน้ำมันดีเซลปรับตัวลดลงมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานในภูมิภาคปรับตัวลดลง ขณะที่ปริมาณการส่งออกน้ำมันจากจีนในเดือน ธ.ค. ยังคงมีแนวโน้มปรับตัวเพิ่มขึ้น
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp