มิติหุ้น – บมจ.ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ (WP) กางแผนโชว์ศักยภาพธุรกิจปี 2566 เน้นขยายการลงทุนในธุรกิจพลังงานที่ประเมินว่าภาพรวมยังสดใส พร้อมอัดงบลงทุน 900-1,000 ล้านบาท ลุยธุรกิจเกี่ยวเนื่องใน Trend การเติบโตในอนาคต อาทิ โครงการพลังงานลม, EV และ Battery Storage เพื่อสร้างฐานธุรกิจเติบโตแข็งแกร่ง หนุนรายได้เพิ่ม ฟาก “ชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง” ประกาศนำทัพเดินหน้าต่อยอดธุรกิจไม่ยั้ง พร้อมวางเป้ารายได้ปี 2566 เติบโตโดดเด่นไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
นางสาวชมกมล พุ่มพันธุ์ม่วง ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ดับบลิวพี เอ็นเนอร์ยี่ จำกัด (มหาชน) (WP) เปิดเผยว่าบริษัทฯ มั่นใจในศักยภาพการเติบโตของธุรกิจและผลการดำเนินงานในปี 2566 จะเติบโตอย่างโดดเด่นต่อเนื่องจากปี 2565 ซึ่งการเติบโตหลักมาจากธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว (LPG) โดยตั้งเป้ายอดขายไว้ที่ 800,000 ตัน แบ่งเป็นยอดขายภายในประเทศจำนวน 775,000 ตัน และส่งออก จำนวน 25,000 ตัน ส่วนรายได้รวมคาดว่าเติบโตไม่ต่ำกว่า 17,000 ล้านบาท
ทั้งนี้ บริษัทฯ ได้ตั้งงบลงทุนสำหรับการขยายธุรกิจปี 2566 ไว้ที่ประมาณ 900 – 1,000 ล้านบาทโดยจะนำเสนอบอร์ดพิจารณาในเดือนมกราคม 2566 แบ่งเป็น 300 ล้านบาท เพื่อการลงทุนในธุรกิจก๊าซปิโตรเลียมเหลว(LPG) เช่น การขยายโรงบรรจุ และรุกสู่กิจการค้าปลีก ,การลงทุนในธุรกิจพลังงานทดแทนอีก 500 ล้านบาท และ 100-200 ล้านบาท เป็นการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ ที่จะสร้างการเติบโตให้บริษัท โดยบริษัทฯ มองหาการลงทุนหรือขยายโอกาสในการลงทุนในอุตสาหกรรมที่คาดว่าจะอยู่ใน Trend การเติบโตในอนาคต เช่น โครงการพลังงานลม, EV , และ Battery Storage ฯลฯ ซึ่งอยู่ระหว่างการพิจารณาว่าจะเป็นรูปแบบการลงทุนเอง หรือร่วมทุนกับพันธมิตรที่มีความเชี่ยวชาญในธุรกิจ
สำหรับธุรกิจพลังงานบริษัทฯ ยังคงเป้ากำลังการผลิตพลังงานแสงอาทิตย์บนหลังคา (โซลาร์รูฟท็อป) อยู่ที่ 20 เมกะวัตต์ ซึ่งในปี 2565 ได้ลงนามความร่วมมือกับ สมาคมพลังงานทดแทนสู่ชุมชนแห่งประเทศไทย เข้าติดตั้ง Solar นำร่องให้โรงเรียน และ วัด ซึ่งเป็นโครงการ CSR Project ของกลุ่มบริษัทฯ
“บริษัท มี EBITDA ปีละประมาณ 500-600 ล้านบาท และมีกระแสเงินสดส่วนเกินอยู่มาก ขณะที่อัตราส่วน IBD/E อยู่ที่ 0.42 เท่า จึงเป็นโอกาสที่บริษัทฯ ยังสามารถระดมทุนผ่านสถาบันการเงินได้อีกมาก ดังนั้นบริษัทฯ จึงมองหาโอกาสในการลงทุนที่มีความเสี่ยงต่ำ และผลตอบแทนคุ้มค่าตลอดมา”นางสาวชมกมลกล่าว
นางสาวชมกมล กล่าวว่า เนื่องจากก๊าซ LPG เป็นสินค้า commodity ซึ่ง WP มุ่งเน้นการสร้าง Brand ผ่านกิจกรรมส่งเสริมการขาย และ การลงพื้นที่ขยายฐานลูกค้า รวมถึงการสร้างการตลาดรูปแบบใหม่ๆ จากแบรนด์ “เวิลด์แก๊ส” อย่างเต็มรูปแบบ สื่อสารกับคนทุกกลุ่มอย่างทั่วถึง รวมไปถึงการต่อยอดการทำ CSR และการสร้าง Band Loyalty อย่างต่อเนื่อง แต่บริษัทฯ ไม่ได้มองการแข่งขันของคู่แข่งในตลาดว่าเป็นอุปสรรค เพราะเชื่อมั่นเรื่องของกลไกตลาด ใครมีสินค้าหรือบริการที่ตอบโจทย์ก็จะเป็นตัวเลือกที่ผู้บริโภคให้ความสนใจ ดังนั้นจึงให้ความสำคัญกับการเดินหน้าตามแผนการดำเนินธุรกิจตามเป้าหมายอย่างดีที่สุด และไม่หยุดนิ่งที่จะพัฒนาสินค้าและบริการให้ตอบโจทย์ผู้บริโภคได้มากที่สุด
ทั้งนี้ บริษัทฯ ยังเชื่อมั่นใจว่ายอดขายปี 2565 จะเติบโตตามเป้าที่ตั้งไว้ 765,000 ตัน แบ่งเป็นขายในประเทศ 740,000 ตัน และส่งออก 25,000 ตัน จากยอดขายที่เพิ่มขึ้นจากการส่งออกเนื่องจากมีความต้องการ LPG เพิ่มมากขึ้นทั่วโลก จากวิกฤติการขาดแคลนพลังงานจากสงครามรัสเซีย-ยูเครน และยังได้รับอานิสงค์จากราคาน้ำมันที่ปรับตัวสูงขึ้นทำให้ยอดขายในกลุ่ม Auto Gas ปรับเพิ่มสูงขึ้น รวมถึงยอดขายในกลุ่ม Commercial และ Industrial ได้ปรับตัวเพิ่มขึ้นเช่นกัน จากการเปิดประเทศ และการบรรเทาลงของสถานการณ์ COVID-19
อย่างไรก็ตาม จากการที่กองทุนการเงินระหว่างประเทศ (IMF) คาดการณ์ว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 จะเติบโตประมาณ 2.7% ซึ่งเป็นการเติบโตที่อ่อนแอที่สุดนับตั้งแต่ปี 2544 และคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจสหรัฐอเมริกา ยุโรป และลาตินอเมริกาจะเติบโตประมาณ 1%, 0.5% และ 1.7% ตามลำดับ ซึ่งทั้งหมดเป็นตลาดใหญ่ จะมีเพียงแถบเอเชียที่ยังขยายตัวได้ โดยคาดการณ์ว่าเศรษฐกิจจะเติบโตอยู่ที่ 4.9% ในปี 2566 คาดว่าราคาพลังงานจะไม่เพิ่มขึ้นไปกว่าปี 2565 เนื่องจากราคาน้ำมันดิบดูไบลดลงอย่างต่อเนื่อง ซึ่งปัจจุบันกองทุนน้ำมันในประเทศยังคงติดลบอยู่ ทำให้ราคา LPG ในประเทศในปี 2566 ไม่เปลี่ยนแปลงอย่างมีนัยยะ
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp