TOP วิเคราะห์สถานการณ์ราคาน้ำมัน

74

ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังการปรับขึ้นดอกเบี้ยของธนาคารกลางประเทศต่างๆ
ซึ่งอาจส่งผลกระทบต่อความต้องการใช้น้ำมันในภาพรวม

ปัจจัยที่ส่งผลกระทบกับราคา

– ราคาน้ำมันดิบปรับตัวลดลง หลังเจอโรม พาวเวลล์ ประธานธนาคารกลางของสหรัฐฯ (เฟด) กล่าวในวันพุธที่ผ่านมาถึงแนวโน้มที่เฟดจะปรับขึ้นดอกเบี้ยเพิ่มเติมในปีหน้า แม้คาดการณ์ว่าอาจส่งผลต่อภาวะเศรษฐกิจถดถอย ต่อมาในวันพฤหัสบดี ธนาคารกลางอังกฤษและธนาคารกลางยุโรปได้มีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย เพื่อสู้กับภาวะเงินเฟ้อเช่นกัน

– นอกจากนี้ ราคาน้ำมันยังถูกกดดันจากการแข็งค่าของสกุลเงินดอลลาร์ ซึ่งลดความน่าดึงดูดในการทำสัญญา เนื่องจากการแข็งค่าของดอลลาร์ ทำให้ราคาน้ำมันแพงขึ้นสำหรับผู้ถือครองสกุลเงินอื่น

+ สำนักงานพลังงานสากลหรือ IEA คาดการณ์อุปทานน้ำมันจากรัสเซียมีแนวโน้มลดลง 1.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน ภายหลังจากมาตรการงดการนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียเมื่อวันที่ 5 ธ.ค. ที่ผ่านมา รวมทั้งมาตรการกำหนดราคาน้ำมันดิบจากรัสเซียจากกลุ่มประเทศ G7

– บริษัท TC Energy ในแคนาดา ประกาศกลับมาดำเนินการผลิตในส่วนของท่อส่งน้ำมัน Keystone ภายหลังจากเกิดเหตุการณ์น้ำมันรั่วไหล 14,000 บาร์เรลในรัฐแคนซัสเมื่อสัปดาห์ที่ผ่านมา

ราคาน้ำมันเบนซิน – ราคาน้ำมันเบนซินปรับเพิ่มขึ้นน้อยกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังอุปทานน้ำมันเบนซินในมาเลเซียปรับตัวเพิ่มขึ้น ขณะที่การผ่อนคลายมาตรการ COVID-19 ในประเทศ ส่งผลให้กิจกรรมการเดินทางปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง เมื่อเทียบกับปีที่แล้ว

ราคาน้ำมันดีเซล – ราคาน้ำมันดีเซลปรับเพิ่มขึ้นมากกว่าราคาน้ำมันดิบดูไบ หลังความไม่แน่นอนในด้านการส่งออกน้ำมันดีเซลจากจีน ซึ่งอาจส่งผลให้อุปทานในตลาดน้ำมันดีเซลของกลุ่มประเทศอาเซียนเกิดความตึงตัว

 

 

 

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp