มิติหุ้น – บมจ.ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น (UNIQ) บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ 2 รุ่นอายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [3.70-3.85]% ต่อปี และหุ้นกู้อายุ 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยระหว่าง [4.80-4.95]% ต่อปี คาดเสนอขายแก่ผู้ลงทุนทั่วไประหว่างวันที่ 17 – 19 มกราคม 2566 ผ่านธนาคารกรุงไทย และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย โดยบริษัทฯ ได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากทริสเรทติ้ง ที่ระดับ BBB แนวโน้ม “คงที่” ขณะที่หุ้นกู้มีอันดับความน่าเชื่อถือในกลุ่ม “ระดับลงทุน” หรือ Investment Grade ที่ BBB- เผยอุตสาหกรรมก่อสร้างฟื้นตัวชัดเจนหลังผ่านวิกฤติโควิด-19 พร้อมเดินหน้าขยายงานต่อเนื่อง ระบุในช่วงไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 ได้รับงานจากการประมูลใหม่อย่างต่อเนื่อง โดยงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ 63,271.01 ล้านบาท สะท้อนโอกาสและการขยายตัวอย่างแข็งแกร่งของธุรกิจ
นายเติมพงษ์ เหมาะสุวรรณ รองกรรมการผู้จัดการอาวุโส กลุ่มงานบัญชีและการเงิน บริษัท ยูนิค เอ็นจิเนียริ่ง แอนด์ คอนสตรัคชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ UNIQ บริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย เปิดเผยว่า บริษัทฯ เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ เสนอขายให้แก่ประชาชนทั่วไป ซึ่งคาดว่าจะเสนอขายระหว่างวันที่ 17 – 19 มกราคม 2566 ผ่านธนาคารกรุงไทย จำกัด (มหาชน) และธนาคารซีไอเอ็มบี ไทย จำกัด (มหาชน) โดยเป็นหุ้นกู้อายุ 1 ปี 7 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง [3.70 – 3.85]% ต่อปี และรุ่น 3 ปี 6 เดือน อัตราดอกเบี้ยอยู่ระหว่าง [4.80 – 4.95]% ต่อปี ซึ่งบริษัทฯ จะประกาศอัตราดอกเบี้ยที่แน่นอนอีกครั้ง ทั้งนี้ หุ้นกู้ชุดดังกล่าวได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 30 พฤศจิกายน 2565 ที่ระดับ BBB- ซึ่งเป็น “ระดับลงทุน” (Investment grade) ขณะที่อันดับความน่าเชื่อถือองค์กรอยู่ที่ BBB แนวโน้ม “คงที่” (Stable)
ทั้งนี้ อันดับเครดิตดังกล่าวสะท้อนถึงขีดความสามารถในการแข่งขันของบริษัทฯ ในการรับงานก่อสร้างโครงการโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของภาครัฐ และงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) จำนวนมากที่จะช่วยประกันรายได้ให้แก่บริษัทฯ ในช่วงหลายปีข้างหน้า ขณะเดียวกัน ทริสเรทติ้ง ระบุว่า การที่บริษัทฯ เน้นรับงานภาครัฐทำให้ความเสี่ยงในการไม่ได้รับชำระเงินอยู่ในระดับต่ำ โดยคาดว่า ระดับหนี้สินของบริษัทฯ จะลดลงอย่างมีนัยสำคัญเมื่อได้รับชำระเงินจากเจ้าของโครงการแล้ว นอกจากนี้ ทริสเรทติ้ง ยังคาดด้วยว่า บริษัทฯ จะสามารถบริหารจัดการสภาพคล่องได้อย่างเหมาะสม โดยหนี้สินรวมของบริษัทฯ ประมาณครึ่งหนึ่งเป็นเงินกู้โครงการระยะสั้นจากธนาคารที่ช่วยสร้างความยืดหยุ่นของระยะเวลาในการชำระหนี้ ซึ่งผลงานในการส่งมอบงานก่อสร้างต่างๆ จะช่วยให้บริษัทฯ สามารถขยายระยะเวลาการชำระหนี้เงินกู้ระยะสั้นดังกล่าวต่อไปได้ และผลจากการปรับโครงสร้างทรัพย์สินของบริษัทฯ ในช่วงที่ผ่านมา ทำให้บริษัทฯ มีเงินสดเพิ่มขึ้นเป็น 5.3 พันล้านบาท ณ สิ้นเดือนกันยายน 2565 เพิ่มขึ้นจาก 3.8 พันล้านบาท ณ สิ้นปี 2564 ที่ผ่านมา
“เราเชื่อว่า หุ้นกู้ UNIQ จะยังคงเป็นทางเลือกที่น่าสนใจของผู้ลงทุน และจะได้รับการตอบรับจากผู้ลงทุนเป็นอย่างดีเหมือนทุกครั้งที่ผ่านมา โดยเฉพาะเมื่อพิจารณาจากศักยภาพและโอกาสในการเติบโตของบริษัทฯ ซึ่งในช่วงไตรมาสที่ 3 และ ไตรมาส 4 ของปี 2565 บริษัทฯ มีการลงนามสัญญาจ้างก่อสร้างโครงการต่างๆ อย่างต่อเนื่อง อาทิ โครงการของกรมทางหลวงชนบท ประกอบด้วย โครงการก่อสร้างสะพานข้ามคลองมหาสวัสดิ์ ถนนราชพฤกษ์ จ.นนทบุรี 1 แห่ง มูลค่า 1,181.52 ล้านบาท และโครงการก่อสร้างสะพานบนสายทาง รย.4060 อ.เขาชะเมา,แก่งหางแมว จ.ระยอง,จันทบุรี 2 แห่ง มูลค่าโครงการ 587.52 ล้านบาท เป็นส่วนของบริษัทฯ 29.38 ล้านบาท รวมถึงโครงการก่อสร้างวางท่อประปา ของการประปานครหลวง มูลค่า 66.80 ล้านบาท สะท้อนให้เห็นโอกาสในการขยายงานโครงสร้างพื้นฐานขนาดใหญ่ของยูนิค ในฐานะบริษัทรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของประเทศ” นายเติมพงษ์กล่าว
ทั้งนี้ ยูนิค เอ็นจิเนียริ่งฯ เป็นผู้ประกอบการธุรกิจรับเหมาก่อสร้างชั้นนำของไทย ที่มุ่งเน้นงานสาธารณูปโภคขนาดกลางและขนาดใหญ่ เช่น สถานีกลางบางซื่อ ของการรถไฟแห่งประเทศไทย ที่ต้องอาศัยความเชี่ยวชาญในด้านบริหารการจัดการและการเลือกใช้เทคโนโลยีระดับสูงให้เหมาะสม และยังเป็นผู้เชี่ยวชาญงานก่อสร้างสะพานโครงสร้างเหล็กและสะพานโครงสร้างคอนกรีตเสริมเหล็ก งานก่อสร้างอุโมงค์รถยนต์ลอดใต้ทางแยก งานก่อสร้างทางพื้นคอนกรีตเสริมเหล็กและแอลฟัลท์ติกคอนกรีต งานระบบสาธารณูปโภคใต้ดิน ทั้งไฟฟ้า ประปา และโทรศัพท์ รวมถึงงานในโครงการรับเหมาก่อสร้างที่มีขนาดใหญ่มูลค่าโครงการสูง หรือเป็นโครงการที่ต้องอาศัยความชำนาญหรือเทคโนโลยีเฉพาะด้าน ลูกค้าของบริษัทฯ จะเป็นหน่วยงานภาครัฐหรือรัฐวิสาหกิจ เช่น กรมทางหลวง การไฟฟ้านครหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย บริษัท ท่าอากาศยานไทย จำกัด (มหาชน) การรถไฟแห่งประเทศไทย เป็นต้น เนื่องจากงานของบริษัทฯ ได้รับการยอมรับอย่างกว้างขวางถึงคุณภาพและการบริหารโครงการที่มีประสิทธิภาพสูง ทำให้มีโอกาสรับงานจากภาครัฐอย่างต่อเนื่อง
สำหรับผลการดำเนินงานงวด 9 เดือน (มกราคม-กันยายน) ปี 2565 บริษัทฯ มีรายได้รวม 8,521.07 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 6.78% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน ซึ่งมีรายได้รวม 7,979.83 ล้านบาท มีกำไรสุทธิ 31.33 ล้านบาท เพิ่มขึ้น 55.25% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาสเดียวกันของปีก่อนซึ่งอยู่ที่ 20.18 ล้านบาท โดยในไตรมาสที่ 4 ปี 2565 บริษัทฯ มีงานที่อยู่ระหว่างดำเนินการ (Backlog) มูลค่าประมาณ 63,271.01 ล้านบาท ซึ่งสามารถทยอยรับรู้รายได้จนถึงปี 2568 และมีโครงการรถไฟฟ้าสายสีม่วง ช่วงเตาปูน – ราษฎร์บูรณะ (วงแหวนกาญจนาภิเษก) สัญญาที่ 4 งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ทางวิ่งและสถานีใต้ดิน ช่วงสะพานพุทธ – ดาวคะนอง รับรู้รายได้ถึงปี 2570
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp