มิติหุ้น – นายเดวิด แวน ดาว ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท พีเอสจี คอร์ปอเรชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PSGC เปิดเผยว่า หลังจากที่บริษัทได้รับคัดเลือกให้เป็นผู้ชนะการประมูลงานก่อสร้างโครงการ XPPL Expansion Phase 1 ของ Xekong Power Plant Company Limited เพื่อดำเนินงานก่อสร้างแบบ Turnkey Construction ซึ่งครอบคลุมถึง การสร้างและปรับปรุงเส้นทาง logistic การก่อสร้างอาคารและสิ่งอำนวยความสะดวก เพื่อรองรับการขยายกำลังการผลิตถ่านหินในสาธารณรัฐประชาธิปไตยประชาชนลาว (“สปป.ลาว”) เริ่มดำเนินการตั้งแต่เดือนเมษายน 2565 ที่ผ่านมา ทำให้ในปีนี้บริษัทรับรู้รายได้งวดเก้าเดือนแรกไปกว่า 922 ล้านบาท ส่งผลให้บริษัทพลิกกลับมามีกำไร 489 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรในรอบหลายปี
บริษัทมีแผนการขยายธุรกิจต่อเนื่องในปี 2566 คาดจะคว้างานโครงการใหญ่หลักหลายพันล้านใน สปป.ลาว ได้เพิ่มอีก 1 โครงการ โดยโครงการมีระยะเวลาดำเนินงาน 4-5 ปี ทำให้เชื่อได้ว่าในปี 2566 บริษัทจะสามารถทำรายได้ New High ซึ่งเป็นรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัท ซึ่งโครงการใหม่นี้จะเป็นอีกแหล่งรายได้ที่ทำให้บริษัทเติบโตอย่างต่อเนื่องนับจากนี้
นอกเหนือจากการขยายตลาดในธุรกิจเดิมแล้ว บริษัทเตรียมการที่จะขยายการลงทุนในธุรกิจใหม่ๆ เพื่อสร้างแหล่งรายได้เพิ่ม โดยใช้แนวทางการลงทุนในลักษณะการร่วมมือกับพันธมิตร และการลงทุนซื้อกิจการ M&A (Merger & Acquisition) ซึ่งบริษัทสนใจในธุรกิจพลังงานสะอาด ดังจะเห็นได้จากการลงนามความร่วมมือใน 2 โครงการ ที่อยู่ระหว่างการศึกษาความเป็นไปได้ทางธุรกิจ ได้แก่
- โครงการศึกษาความเป็นไปได้ในการพัฒนาโครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ(Pumped Storage Hydroelectric หรือ PSH) ใน สปป.ลาว
ปัจจุบัน PSGC อยู่ระหว่างทำการศึกษาข้อมูลในเชิงธุรกิจและเชิงเทคนิค (Technical Feasibility) และวางแผนกลยุทธ์เพื่อเตรียมความพร้อม ทั้งนี้ โครงการโรงไฟฟ้าพลังน้ำแบบสูบกลับ เปรียบเสมือนแบตเตอรี่พลังน้ำช่วยเสริมความมั่นคงระบบไฟฟ้าและเป็นมิตรสิ่งแวดล้อมจากการศึกษาในเบื้องต้นคาดว่าภายในปี 2593 PSHจะมีศักยภาพเป็นที่ต้องการของตลาด 4 ประเทศ (สปป.ลาว, เวียดนาม, สิงคโปร์ และไทย) สูงถึง 7,000 ล้านเหรียญสหรัฐ
- ร่วมมือกับ Keppel Energy Pte Ltd ผู้จัดหาโซลูชั่นพัฒนาเมืองอย่างยั่งยืนของสิงคโปร์ ในการศึกษาความเป็นไปได้ในการส่งออกพลังงานหมุนเวียน (Renewable Energy) ผลิตจากโรงไฟฟ้า PSH ที่บริษัทจะพัฒนาใน สปป.ลาว ไปยังสิงคโปร์ ข้อตกลงความร่วมมือดังกล่าวถือเป็นจุดเริ่มต้นก้าวสำคัญ เพื่อมุ่งสู่ ASEAN Power Grid ในการซื้อขายไฟฟ้าข้ามพรมแดนระหว่างประเทศ ซึ่งหากสำเร็จจะเป็นการส่งเสริมสนับสนุนและตอบสนองความต้องการของภูมิภาคด้านพลังงานสะอาด
“หลังจากปรับปรุงองค์กร กระบวนการทำงาน และปรับทิศทางธุรกิจมาสักระยะ PSGC มุ่งเน้นสร้างการเติบโตต่อเนื่อง ทั้งจากธุรกิจก่อสร้างซึ่งเป็นธุรกิจเดิม และจากการลงทุนในธุรกิจใหม่ (Inorganic growth) เช่น ธุรกิจพลังงานสะอาด ซึ่งเป็นเทรนด์ของโลก ที่ต้องการลดการสร้างผลกระทบต่อสิ่งแวดล้อมจากการใช้พลังงาน หากการดำเนินการทุกอย่างเป็นไปตามแผนงานที่วางไว้ การแก้ไขปัญหาขาดทุนสะสมที่เคยชี้แจงไว้แก่ผู้ถือหุ้น ก็น่าจะมีความเป็นไปได้ภายในปี 2566 ซึ่งจะเป็นก้าวสำคัญอีกก้าวในการเติบโตอย่างยั่งยืนของบริษัทตามเป้าหมายที่ตั้งใจไว้” นายเดวิด แวน ดาว กล่าว
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp