มิติหุ้น-SUN หรือบมจ.ซันสวีท โดยบล.เคจีไอ ระบุว่า คาดว่ากำไรสุทธิของ SUN ใน 4Q65F จะอยู่ที่ 69 ล้านบาท (+5% YoY, +114% QoQ) เนื่องจากมีกำไรจากอัตราแลกเปลี่ยน 13 ล้านบาท จากที่ขาดทุนถึง 53 ล้านบาทใน 3Q65 เราคาดว่ายอดขายจะลดลง 15% YoY และ QoQ เหลือ 694 ล้านบาท เนื่องจากปริมาณขายลดลงเพราะขาดแคลนวัตถุดิบ (ข้าวโพดหวาน) และเป็นช่วง low season ของการส่งออก อย่างไรก็ตาม ผลิตภัณฑ์พร้อมรับประทาน (Ready-to-eat หรือ RTE) ยังโตได้เล็กน้อยเพราะอุปสงค์ได้แรงหนุนจากการฟื้นตัวของเศรษฐกิจในประเทศ
เราคาดว่า GPM จะเพิ่มขึ้น 10bps YoY เพราะเงินบาทอ่อนค่าลง แต่คาดว่าจะลดลง 220bps QoQ เนื่องจากปริมาณยอดขายลดลง และเงินบาทแข็งค่าขึ้น ซึ่งมีผลมากกว่าต้นทุนบรรจุภัณฑ์กระป๋องที่ลดลง เราคาดว่าสัดส่วน SG&A ต่อยอดขายลดลงทั้ง YoY และ QoQ เหลือ 8.2% เนื่องจากต้นทุนค่าขนส่งลดลง และเงินบาทอ่อนค่าลง YoY
คาดว่าจะเข้าสู่วัฏจักรการเติบโตรอบใหม่ในปี 2566
เราคาดว่ากำไรสุทธิจะลดลง 25% เหลือ 157 ล้านบาทในปี 2565F ถึงแม้ว่าอุปสงค์การส่งออกจะยังแข็งแกร่ง โดยเฉพาะในตลาดเอเชีย แต่ผลประกอบการของ SUN ได้รับผลกระทบจากหลายปัจจัย ทั้งปัญหาขาดแคลนข้าวโพดหวานเพราะฝนตกหนัก, ขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนเพราะสถานะป้องกันความเสี่ยง, ราคาวัตถุดิบแพง และต้นทุนค่าขนส่งสูง อย่างไรก็ตาม เราคาดว่าปัจจัยส่วนใหญ่จะดีขึ้นในปีหน้า และยังคงประมาณการกำไรสุทธิที่ 239 ล้านบาท (+52% YoY)
สำหรับปี 2566F เราคาดว่ารายได้จะเพิ่มขึ้น 20% YoY จากปริมาณขายข้าวโพดหวานดีขึ้นหลังจากที่การผลิตข้าวโพดหวานกลับเข้าสู่ระดับปกติ ทั้งนี้ สมมติฐานของเราค่อนข้างอนุรักษ์นิยมเมื่อเทียบกับแผนการผลิตข้าวโพดหวานของบริษัท ที่ตั้งเป้าจะเพิ่มอีกเกิน 50% นอกจากนี้ คำสั่งซื้อจากตลาดส่งออกยังแข็งแกร่ง โดย backlog ในปัจจุบันยาวไปจนถึงเดือนพฤษภาคม เราคิดว่าต้นทุนวัตถุดิบที่ลดลงจะช่วยลดผลกระทบของเงินบาทที่แข็งค่าขึ้นต่อ GPM ยิ่งไปกว่านั้น เรายังมองว่ากำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดจากการที่เงินบาทแข็งค่าขึ้นจะทำให้ประมาณการกำไรสุทธิของเรามี upside อีก
Valuation & action
เรายังคงคำแนะนำซื้อ SUN เพราะเราคาดว่าผลประกอบการผ่านจุดต่ำสุดไปแล้ว ในขณะที่กำไรจากอัตราแลกเปลี่ยนจะเป็น upside สำหรับประมาณการกำไรปีหน้า เรายังคงราคาเป้าหมายปี 2566 ที่ 5.50 บาท อิงจาก PER ที่ 14.8x (PER เฉลี่ย -1.0 S.D.)
@mitihoonwealth