Key Highlights
- ตลาดเสริมความงามจะกลับมาขยายตัวได้อีกครั้งหลังสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 คลี่คลายลง โดยคาดว่า ภาพรวมตลาดเสริมความงามทั่วโลกจะมีมูลค่าสูงขึ้นไปแตะระดับ 2.16 แสนล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 7.14 ล้านล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 13.9% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 ประมาณ 2.5 เท่า โดยบริการที่น่าจับตามอง คือ การเสริมความงามในกลุ่มที่ไม่ใช่การศัลยกรรม (Noninvasive Procedures) ที่เน้นแก้ไขสัญญาณแห่งวัย อาทิ การฉีดโบท็อกซ์ การฉีดฟิลเลอร์
- ตลาดเสริมความงามของไทยจะมีมูลค่ากว่า 7.51 พันล้านเหรียญสหรัฐ หรือประมาณ 2.48 แสนล้านบาท เติบโตเฉลี่ยปีละ 16.6% เพิ่มขึ้นจากปี 2563 เกือบ 3 เท่า
- ปัจจัยสนับสนุนสำคัญของตลาดเสริมความงาม คือ ความต้องการเสริมภาพลักษณ์ให้ดูดี ความวิตกกังวลกับริ้วรอยและความหย่อนคล้อยของผิวหน้าอันบ่งบอกถึงสัญญาณแห่งวัย เทคโนโลยีด้านความงามที่ทันสมัย ปลอดภัย และเห็นผลลัพธ์การรักษาที่ชัดเจน และการขยายตัวของตลาดท่องเที่ยวเชิงการแพทย์ โดยเฉพาะกลุ่มนักท่องเที่ยวที่ต้องการเดินทางเพื่อเสริมความงามที่คาดว่าจะกลับมาเติบโตโดดเด่นหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลาย จากความต้องการเดินทางเพิ่อเสริมความงามที่สะสมมานานกว่า 3 ปี
“ผู้หญิงอย่าหยุดสวย” วลีฮิตที่ไม่เคยตกยุค ซึ่งปัจจุบันไม่ว่าเพศไหน วัยไหน หรือชาติใด เรื่องความงามเป็นสิ่งที่หลายคนปรารถนา ตามค่านิยมของผู้คนในปัจจุบันที่ต้องการแก้ไขจุดบกพร่องของร่างกายและใบหน้า และเสริมภาพลักษณ์ให้ตนเองดูดีขึ้น เพราะจะช่วยเพิ่มความมั่นใจและเสริมสร้างบุคลิกภาพที่ดีให้กับตนเองมากขึ้น ส่งผลให้ “เวชศาสตร์ความงาม” (Aesthetic Medicine) [1]เป็นเทรนด์ที่ยังมาแรง และเป็นหนึ่งในอุตสาหกรรมที่มีอัตราการเติบโตสูง โดยการเสริมความงามในรูปแบบต่างๆ ได้รับความสนใจและเปิดกว้างขึ้น ทั้งการศัลยกรรมหรือการผ่าตัดเสริมความงาม อาทิ การผ่าตัดเสริมหน้าอก การผ่าตัดเสริมจมูก การศัลยกรรมตา 2 ชั้น การดูดไขมัน และการเสริมความงามแบบไม่ผ่าตัด แต่ใช้วิธีการใช้ยาฉีด การนวด การกดจุด การฝังเข็ม อาทิ การฉีดโบท็อกซ์ (Botox Injections) การฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็ม (Soft Tissue Fillers) การผลัดเซลล์ผิวด้วยสารเคมี (Chemical Peel) ซึ่งจากผลสำรวจล่าสุดของ RealSelf Insights Center ที่ได้สำรวจความคิดเห็นของผู้บริโภคเกี่ยวกับผลกระทบของโควิด-19 กับความต้องการเสริมความงาม พบว่า ผู้ตอบแบบสำรวจ 98% ยังคงสนใจและต้องการเสริมความงามต่อไป ขณะที่ผลสำรวจจากบริษัทวิจัยตลาด GlobalWebIndex ที่ได้มีการสำรวจพฤติกรรมผู้บริโภคที่มีความสนใจเกี่ยวกับการศัลยกรรมในกลุ่มชายและหญิงที่เป็นผู้บริหารระดับสูง (C-Level) ที่มีอายุ 25-64 ปี พบว่า คนกลุ่มนี้มีความสนใจที่จะศัลยกรรมเพื่อภาพลักษณ์ที่ดี ซึ่งราคาไม่ใช่ปัจจัยในการตัดสินใจ เพราะพร้อมจะจ่ายเงินเพื่อสิ่งที่ดีที่สุดสำหรับตนเอง
จากที่กล่าวมาข้างต้น จึงไม่น่าแปลกใจว่าทำไม? ตลาดเสริมความงามจึงยังมีโอกาสเติบโตต่อเนื่องหลังสถานการณ์โควิด-19 คลี่คลายลง และนำไปสู่คำถามที่น่าสนใจว่า “ตลาดเสริมความงามจะมีโอกาสเติบโตได้มากน้อยแค่ไหน? และการเสริมความงามกลุ่มไหน? ที่จะมาแรงในอนาคต”
[1] “เวชศาสตร์ความงาม” (Aesthetic Medicine) มีบทบาทเกี่ยวกับการทำให้ร่างกายภายนอกแลดูสดใส และอ่อนกว่าวัย ซึ่งในศาสตร์แขนงนี้ก็มีตั้งแต่การฉีดหรือใช้เข็ม เช่น โบท็อกซ์ ฟิลเลอร์ ร้อยไหม การใช้เลเซอร์ต่างๆ รวมไปถึงการศัลยกรรมความงาม (ที่มา: วารสารสุทธิปริทัศน์ ฉบับพิเศษ ตุลาคม-ธันวาคม 2559)
@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp