มิติหุ้น-บรรยากาศการลงทุนในตลาดหุ้นไทยช่วงโค้งสุดท้ายของปี 65 ไม่ครึกครื้นเท่าที่ควร ส่วนหนึ่งอาจเป็นเพราะนักลงทุนต่างกังวลหลายๆปัจจัยที่เข้ามารุมเร้า สอดคล้องกับความเห็นนักวิเคราะห์ต่างออกมาปรับกลยุทธ์การจัดพอร์ตลงทุนช่วงโค้งสุดท้ายของปี โดยให้เน้น “ถือเงินสด” เพราะสถานการณ์ที่ไม่แน่นอน ทั้งอัตราดอกเบี้ยสูงขึ้น อัตราเงินเฟ้ออยู่ระดับสูง ปัจจัยเสี่ยงสูงที่จะเกิดสภาวะเศรษฐกิจถดถอย
ขณะที่ “บล.กสิกรไทย” เผย แม้บรรยากาศการลงทุนโดยรวมจะไม่เป็นใจ แต่ก็ยังมีปัจจัยบวกที่พอให้นักลงทุนเข้าลงทุนได้ เพราะช่วงนี้เริ่มเข้าสู่ “ช่วงเทศกาลหุ้นปันผล” โดยจากการสำรวจพบว่า ตลาดหุ้นไทยในช่วง Q1ของทุกปีตั้งแต่ปี 55 พบว่า SETHD Index ให้ผลตอบแทนเป็นบวกติดต่อกันเป็นปีที่ 10 ไม่รวมสถานการณ์การระบาดของโควิด-19 ใน (Q1/63)
ทั้งนี้ก็ยังพบว่ากลยุทธ์ “ซื้อหุ้นก่อนที่จะขึ้นเครื่องหมาย XD แล้วขายวันที่ขึ้นเครื่องหมาย XD (dividend capture)” ให้ผลลัพธ์เทียบเท่าหรือดีกว่า SET Index ใน Q1ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา โดย SETHD Index ให้ผลตอบแทนเฉลี่ยที่ 7.0% เทียบกับ SET Index ที่ 4.25% ในQ1ในช่วง 7 ปีที่ผ่านมา ( SETHD Index ประกอบด้วยหุ้นปันผลสูง 30 ตัวที่ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (ตลท.) คัดเลือกมาทุกๆครึ่งปี)
ดังนั้น KS แนะนำนักลงทุนให้ใช้กลยุทธ์ dividend capture โดยเลือกหุ้นปันผลสูงจาก SETHD Index จากนั้น “ซื้อ” ในเดือน ธ.ค.65 และ “ขาย” ภายในสิ้น Q1/66 ก่อนวันที่หุ้นขึ้นเครื่องหมาย XD โดยกลยุทธ์ดังกล่าวมักให้ผลตอบแทนที่เป็นบวก โดย KS ได้ใช้เกณฑ์ 2 ข้อในการสแกนหาหุ้นที่มีศักยภาพในการปันผลสูง ได้แก่ 1.หุ้นที่มีอัตราตอบแทนเงินปันผลมากกว่า 4% และ 2.หุ้นที่มี upside จากราคาเป้าหมายมากกว่า 10%
โดยแนะนำ 10 หุ้นเด่น โดยเรียงตามอัตราตอบแทนเงินปันผลจากสูงไปต่ำ ได้แก่ AP จะให้ผลตอบแทนสูงสุดที่ 11.5% เป้าหมาย 13.80 บาท , ตามด้วย KKP ผลตอบแทนที่ 8% เป้าหมาย 92 บาท , ORI ผลตอบแทนที่ 7.3% เป้าหมาย 13.50 บาท , THANI ผลตอบแทนที่ 6.9% เป้าหมาย 5.25 บาท
ส่วน RATCH ผลตอบแทนที่ 6.2% เป้าหมาย 45 บาท , EGCO ผลตอบแทนที่ 6.1% เป้าหมาย 241 บาท , BBL ผลตอบแทนที่ 3.3% เป้าหมาย 161 บาท , LH ผลตอบแทนที่ 2.8% เป้าหมาย 10.40 บาท , QH ผลตอบแทนที่ 2.3% เป้าหมาย 2.50 บาท และ KTB ผลตอบแทนที่ 2.2% เป้าหมาย 20 บาท
@mitihoonwealth