กรุงศรีคาดเงินบาทสัปดาห์นี้ซื้อขายในกรอบ 34.45-35.20 ซึมลงส่งท้ายปี

51

มิติหุ้น – กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ ธนาคารกรุงศรีอยุธยา จำกัด (มหาชน) มีมุมมองต่อทิศทางค่าเงินบาทในสัปดาห์นี้ว่า เงินบาทสัปดาห์นี้มีแนวโน้มเคลื่อนไหวในกรอบ 34.45-35.20 บาท/ดอลลาร์ เทียบกับสัปดาห์ที่ผ่านมา เงินบาทปิดแข็งค่าที่ 34.76 บาท/ดอลลาร์ หลังซื้อขายในช่วง 34.63-35.04 บาท/ดอลลาร์ เงินดอลลาร์อ่อนค่าเมื่อเทียบกับเงินยูโรและเยนในสัปดาห์ที่ผ่านมา โดยเงินเยนแตะระดับสูงสุดรอบ 4 เดือน และเป็นการแข็งค่ามากที่สุดในวันเดียวในรอบ 24 ปี หลังธนาคารกลางญี่ปุ่น(บีโอเจ)มีมติคงดอกเบี้ยไว้ที่ -0.1% และผลตอบแทนพันธบัตรอายุ 10 ปีไว้ที่ราว 0% แต่ช็อคตลาดด้วยการปรับนโยบายควบคุมเส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตร (Yield Curve Control) ด้วยการปล่อยให้ผลตอบแทนพันธบัตรระยะยาวเคลื่อนไหวจากเป้าหมาย 0% ได้ในกรอบ -0.50% ถึง 0.50% จากเดิมที่ -0.25% ถึง 0.25% ซึ่งทำให้ตลาดคาดว่านักลงทุนญี่ปุ่นอาจขายพันธบัตรโลกและดึงเงินกลับประเทศ กระชากอัตราผลตอบแทนทั่วโลกสูงขึ้นแม้ผู้ว่าการบีโอเจแถลงในเวลาต่อมาว่าการเปลี่ยนแปลงครั้งนี้ไม่ใช่การขึ้นอัตราดอกเบี้ยแต่มีจุดมุ่งหมายเพื่อปรับสมดุลการทำงานของตลาดพันธบัตร และย้ำว่าเร็วเกินไปที่จะหารือเรื่องการถอนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ แต่ตลาดตีความว่าเป็นสัญญาณการปรับนโยบายที่เร็วเกินคาด ทั้งนี้ นักลงทุนต่างชาติขายหุ้นและพันธบัตรไทยสุทธิ 1,051 ล้านบาท และ 25,584  ล้านบาท ตามลำดับ

 

สำหรับสถานการณ์ในสัปดาห์นี้ กลุ่มงานโกลบอลมาร์เก็ตส์ กรุงศรี มองว่า การซื้อขายจะเป็นไปอย่างเงียบเหงาขณะที่หลายตลาดหลักปิดทำการเนื่องในเทศกาลคริสต์มาสและปีใหม่ รวมถึงการปิดสถานะการลงทุนสำหรับปีนี้ อย่างไรก็ดี หากมีข่าวสำคัญเข้ามากระทบอาจทำให้ตลาดผันผวนเกินจริงเนื่องจากสภาพคล่องต่ำ อนึ่ง เมื่อมองไปข้างหน้า อัตราเงินเฟ้อสหรัฐฯอยู่ในทิศทางขาลง แต่ภาวะตลาดแรงงานที่ตึงตัวอาจทำให้ธนาคารกลางสหรัฐฯ(เฟด)กังวลนานกว่าที่ผู้ร่วมตลาดประเมินไว้ และเราคาดว่าอาจเป็นประเด็นฉุดรั้งบรรยากาศการลงทุนในสินทรัพย์เสี่ยงในช่วงต้นปี 66 ซึ่งจะหนุนดอลลาร์และเยนแข็งค่าขึ้นได้

 

สำหรับปัจจัยในประเทศ คาดว่าไทยมีแนวโน้มเกินดุลบัญชีเดินสะพัดเพิ่มขึ้นเล็กน้อยในเดือนพ.ย. ส่วนกระแสเงินทุนเคลื่อนย้ายอาจไร้ทิศทางช่วงปลายปี ทางด้านธปท.ระบุว่าต้องทยอยปรับขึ้นดอกเบี้ยนโยบายต่อไปอีกระยะ ขึ้นอยู่กับสถานการณ์เศรษฐกิจในปี 66 โดยประเมินว่าการชะลอตัวของเศรษฐกิจโลกจะไม่กระทบต่อการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว เพราะ 2 ใน 3 ของนักทองเที่ยวที่เดินทางเข้าไทยขณะนี้เป็นนักท่องเที่ยวจากเอเชีย ซึ่งจะยังมีการขยายตัวทางเศรษฐกิจที่ค่อนข้างสดใสในปีหน้า

@mitihoonwealth
https://lin.ee/cXAf0Dp