มิติหุ้น – ราคาน้ำมันดิบในสัปดาห์ล่าสุดเพิ่มขึ้นกว่า 1-2 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อุปทานน้ำมันมีแนวโน้มตึงตัว โดยรองนายกรัฐมนตรีรัสเซีย นาย Alexander Novak ประกาศจะลดการผลิตน้ำมันดิบลง 5-7% (ประมาณ 500,000-700,000 บาร์เรลต่อวัน) จากระดับการผลิตในปี 2565 ภายในต้นปี 2566 เพื่อตอบโต้สหภาพยุโรป (EU), กลุ่มประเทศ G7 และออสเตรเลีย ซึ่งกำหนดเพดานราคา (Price Cap) น้ำมันดิบรัสเซีย ตั้งแต่ 5 ธ.ค. 65 ทั้งนี้คาดว่ารัสเซียผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสท ในปี 2565 เฉลี่ยอยู่ที่ 10.7 ล้านบาร์เรลต่อวัน (เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 220,000 บาร์เรลต่อวัน) อย่างไรก็ตามในช่วงปลายสัปดาห์ ราคาน้ำมันดิบลดลง จากความกังวลต่อจีน ซึ่งมีจำนวนผู้ติดเชื้อ COVID-19 เพิ่มขึ้น และสภาวะเศรษฐกิจโลกที่อาจถดถอย กดดันอุปสงค์พลังงาน
National Weather Service (NWS) ของสหรัฐฯ ประกาศประชาชนกว่า 200 ล้านคน (ประมาณ 60% ของประชากรทั้งหมด) กำลังเผชิญกับปรากฏการณ์ Bomb Cyclone เกิดพายุหนาวจัดพัดรุนแรงหลายพื้นที่ ทำให้อุณหภูมิลดลงฉับพลัน โดยมีผู้เสียชีวิตอย่างน้อย 23 ราย และเตือนประชาชนอาจเผชิญวันคริสต์มาสที่หนาวเย็นที่สุดในรอบ 40 ปี ท่าอากาศยานนานาชาติเดนเวอร์ (Denver International Airport) ในรัฐ Colorado ทางตะวันตก อุณหภูมิลดลงจาก 5.56 องศาเซลเซียส สู่ -15 องศาเซลเซียส ภายในระยะเวลา 1 ชั่วโมง ทั้งนี้เว็บไซต์ข้อมูลการเดินทาง FlightAware.com ระบุเที่ยวบินในสหรัฐฯ ในช่วง 21-23 ธ.ค. 65 ถูกยกเลิกกว่า 2,000 เที่ยว เนื่องจากสภาพภูมิอากาศแปรปรวน
อย่างไรก็ตาม เมื่อ 23 ธ.ค. 65 โรงกลั่นบริเวณอ่าวเม็กซิโกของสหรัฐฯ กำลังรวมกว่า 1.5 ล้านบาร์เรลต่อวัน หยุดดำเนินการ จาการกลั่นปกติที่ระดับ 9.4 ล้านบาร์เรลต่อวัน นอกจากนี้การผลิตน้ำมันดิบในรัฐ North Dakota ทางเหนือ ลดลงประมาณ 300,000-350,000 บาร์เรลต่อวัน หรือประมาณ 1 ใน 3 ของระดับปกติที่ 1.1 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุด 16 ธ.ค. 65 ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 5.9 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 418.2 ล้านบาร์เรล ต่ำกว่าคาดการณ์ที่ 422.4 ล้านบาร์เรล
- Reuters ประเมินรัสเซียส่งออกน้ำมันดิบ Urals จากท่าเรือ Baltic Sea ในเดือน ธ.ค. 65 ลดลงจากเดือนก่อน 1 ล้านตัน มาอยู่ที่ประมาณ 5 ล้านตัน (1.17 ล้านบาร์เรลต่อวัน)
- หน่วยงานศุลกากรของจีน (General Administration of Customs: GAC) รายงานปริมาณนำเข้าน้ำมันดิบจากรัสเซียในเดือน พ.ย. 65 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 16.6% อยู่ที่ 1.90 ล้านบาร์เรลต่อวัน (นำเข้าจากรัสเซียมากที่สุดอันดับ 1) ขณะที่นำเข้าจากซาอุดีอาระเบียลดลงจากปีก่อน 10.7% อยู่ที่ 1.61 ล้านบาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- ท่อ Keystone (622,000 บาร์เรลต่อวัน) ซึ่งขนส่งน้ำมันดิบจากแคนาดาสู่สหรัฐฯ มีแนวโน้มกลับมาดำเนินการเต็มรูปแบบ หลังปิดตั้งแต่ 7 ธ.ค. 65 เหตุพบน้ำมันรั่วไหลในสหรัฐฯ ปริมาณ 14,000 บาร์เรล โดยหน่วยงานกำกับดูแลการขนส่งน้ำมันทางท่อของสหรัฐฯ (Pipeline and Hazardous Materials Safety Administration: PHMSA) อนุมัติแผนซ่อมแซมและกำหนดการเปิดดำเนินการท่อดังกล่าวภายในช่วง 28-29 ธ.ค. 65
- Joint Organizations Data Initiative (JODI) รายงานซาอุดีอาระเบียส่งออกน้ำมันดิบ ในเดือน ต.ค. 65 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 52,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 7.77 ล้านบาร์เรลต่อวัน
@mitihoonwealth