มิติหุ้น – ราคาน้ำมันดิบเฉลี่ยรายสัปดาห์บลดลงจากความกังวลของนักลงทุนว่าเศรษฐกิจโลกอาจถดถอย จากการขึ้นอัตราดอกเบี้ยของธนาคารกลางโดยเพาะสหรัฐฯ ที่เพิ่มอัตราดอกเบี้ยล่าสุด อยู่ที่ระดับ 4.25 – 4.5 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล อย่างไรก็ตามในวันที่ 8 ม.ค. 66 มีปัจจัยสนับสนุนจากจีนกลับมาเปิดพรมแดนเป็นครั้งแรกในรอบ 3 ปี สิ้นสุดนโยบาย Zero-COVID-19 โดยสมบูรณ์ และคาดว่าจีนมีแนวโน้มนำเข้าน้ำมันดิบเพิ่มขึ้น ซึ่ง Bloomberg รายงานจีนซื้อน้ำมันดิบ CPC จากคาซัคสถานเพิ่มขึ้น 5 ล้านบาร์เรล ส่งมอบในเดือน ก.พ. 66 ส่งผลให้จีนนำเข้าน้ำมันดิบ CPC จากคาซัคสถาน รวมในเดือน ก.พ. 66 เพิ่มขึ้นจากเดือนก่อน 122,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 191,000 บาร์เรลต่อวัน
อุปสงค์น้ำมันเพิ่มขึ้นจากการเดินทางเริ่มคึกคักจากชาวฮ่องกงและชาวจีนหลั่งไหลข้ามฝั่งอย่างคับคั่ง กระตุ้นกิจกรรมทางเศรษฐกิจเพิ่มขึ้น ซึ่งผลสำรวจนักวิเคราะห์โดย Bloomberg ปรับคาดการณ์อัตราการเติบโตทางเศรษฐกิจ (GDP) ของฮ่องกงในปีนี้ จะอยู่ที่ +3.3% จากปีก่อน (ปรับเพิ่มจากประมาณการณ์ครั้งก่อนที่ +2.7% จากปีก่อน) ซึ่งจะทำให้ GDP ฮ่องกง ขยายตัวมากกว่าสิงคโปร์เป็นครั้งแรกในรอบทศวรรษ
ให้จับตาปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเวเนซุเอลาที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้น หลังรัฐบาลสหรัฐฯ อนุญาตบริษัท Chevron Corp. ลงทุนและผลิตน้ำมันดิบในเวเนซุเอลาตั้งแต่เดือน ธ.ค. 65 ซึ่ง Kpler รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในเวเนซุเอลาปัจจุบันอยู่ที่ 630,000 บาร์เรลต่อวัน และคาดการณ์จะเพิ่มขึ้นสู่ระดับ 730,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน มิ.ย. 66 และ 820,000 บาร์เรลต่อวัน ในเดือน ม.ค. 67 ทั้งนี้ รัฐบาลสหรัฐฯ ให้ผ่อนผันมาตรการการส่งออกน้ำมันดิบสู่สหรัฐฯ เนื่องจากอุปทานในตลาดโลกที่ตึงตัว ทางเทคนิคราคาน้ำมันดิบ ICE Brent เคลื่อนไหวอยู่ระหว่าง 75-81 เหรียญสหรัฐฯ ต่อบาร์เรล
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงลบ
- ผู้อำนวยการกองทุนการเงินระหว่างประเทศ (International Monetary Fund: IMF) นาง Kristalina Georgieva ระบุว่าเศรษฐกิจโลกในปี 2566 มีแนวโน้มเผชิญกับสถานการณ์ที่ยากลำบากมากขึ้นจากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของยุโรป จีนและสหรัฐฯ อาจชะลอตัว ขณะที่สงครามในยูเครนมีแนวโน้มยืดเยื้อ และธนาคารกลางทั่วโลกเพิ่มอัตราดอกเบี้ยขึ้นเพื่อต่อสู้ภาวะเงินเฟ้อ ส่งผลกระทบต่อการเติบโตทางเศรษฐกิจ
- EIA รายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบในสหรัฐฯ ในเดือน ต.ค. 65 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 0.6% อยู่ที่ 12.38 ล้านบาร์เรลต่อวัน สูงสุดตั้งแต่เดือน มี.ค. 63 ขณะที่อุปสงค์น้ำมันและน้ำมันสำเร็จรูปในสหรัฐฯ ลดลงจากสัปดาห์ก่อน 55,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 20.42 ล้านบาร์เรลต่อวัน ต่ำสุดตั้งแต่เดือน ก.ค. 65
- EIA รายงานปริมาณสำรองน้ำมันดิบเชิงพาณิชย์ที่สหรัฐฯ สัปดาห์สิ้นสุดวันที่ 30 ธ.ค. 65 เพิ่มขึ้นจากสัปดาห์ก่อน 1.6 ล้านบาร์เรล อยู่ที่ 420.6 ล้านบาร์เรล สูงสุดในรอบ 3 สัปดาห์
- National Centre for Statistics and Information (NCSI) ของโอมานรายงานปริมาณการผลิตน้ำมันดิบและคอนเดนเสทในเดือน ม.ค.- พ.ย. 65 เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 10% อยู่ที่ 355 ล้านบาร์เรล (1.06 ล้านบาร์เรลต่อวัน) สูงสุดเป็นประวัติการณ์ ทั้งนี้ โอมานผลิตคอนเดนเสทประมาณ 215,000 บาร์เรลต่อวัน
ปัจจัยที่กระทบต่อราคาน้ำมันดิบในเชิงบวก
- อุปสงค์น้ำมันของจีนมีแนวโน้มแข็งแกร่งขึ้น โดยได้รับแรงสนับสนุนการประกาศเปิดประเทศของรัฐบาล จีนจะผ่อนคลายมาตรการควบคุม COVID-19 ในวันที่ 8 ม.ค. 66 เปิดประเทศให้นักท่องเที่ยวต่างชาติเดินทางเข้า และให้นักท่องเที่ยวชาวจีนเดินทางไปต่างประเทศได้ ส่งผลให้ชาวจีนจำนวนมากเดินทางท่องเที่ยวต่างประเทศช่วงเทศกาลตรุษจีน (22-27 ม.ค. 66) โดยยอดจองเที่ยวบินขาออกวันที่ 27 ธ.ค. 65 (วันประกาศยกเลิกมาตรการ) เพิ่มขึ้น 254% จากวันก่อนหน้า อย่างไรก็ดี หลายประเทศคุมเข้มเร่งขยับรับมือ COVID-19 อีกครั้ง อาทิ ออสเตรเลียและแคนาดาออกข้อกำหนดให้นักเดินทางที่มาจากจีนต้องแสดงผลตรวจเป็นลบ ก่อนเดินทางเข้าประเทศ
Bloomberg รายงานรัสเซียส่งออกน้ำมันดิบทางเรือในเดือน ธ.ค. 65 ลดลงจากเดือนก่อน 12,000 บาร์เรลต่อวัน อยู่ที่ 2.62 ล้านบาร์เรลต่อวัน หลังการคว่ำบาตรการส่งออกน้ำมันดิบทางเรือจากรัสเซีย เมื่อวันที่ 5 ธ.ค. 65 ประกอบกับภาวะคลื่นลมแรงบริเวณท่า Kozmino เป็นอุปสรรคในการขนส่งน้ำมัน
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon