สรุปภาวะตลาดตราสารหนี้ไทยปี 2565

379

มิติหุ้น – จากแนวโน้มสถานการณ์โควิดที่คลีคลายอย่างต่อเนื่องในปี 2565 และการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจของไทยที่ดีขึ้นตามลำดับ ประกอบกับทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ย ทำให้ภาคเอกชนมีความต้องการสูงในการออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินและเตรียมการรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ การออกหุ้นกู้ระยะยาวในปี 2565 ได้ทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)  ที่ 1.27 ล้านล้านบาท มีผู้ออกหุ้นกู้ระยะยาวรายใหม่ (Newcomer) เพิ่มขึ้น 30 บริษัท จาก 15 หมวดธุรกิจ ด้านการลงทุนของนักลงทุนต่างชาติ มีการซื้อสุทธิตราสารหนี้ไทยสะสมทั้งปีที่ 46,611 ล้านบาท

ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) กล่าวว่าตลาดตราสารหนี้ไทยในปี 2565 มีการเติบโตที่โด่ดเด่น โดยเห็นได้จากพัฒนาการ 5 ด้านที่สำคัญ คือ 1) การออกหุ้นกู้ระยะยาวทำสถิติสูงสุดใหม่ (All Time High)  ที่ 1.27 ล้านล้านบาท นับเป็นปีที่สามที่ยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวทะลุ 1 ล้านล้านบาท 2) การเสนอขายตราสารหนี้กลุ่มความยั่งยืน หรือ ESG Bonds (Environmental, Social and Governance) เพิ่มขึ้น 21% ในปี 2565 มีมูลค่าการออกรวม 210,994 ล้านบาท ทำให้มูลค่าคงค้างของ ESG Bonds ณ สิ้นปี 2565 ขึ้นมาอยู่ที่ 501,990 ล้านบาท เพิ่มขึ้นกว่า 66% จากสิ้นปี 2564  3) การเสนอขายหุ้นกู้ดิจิทัล (Digital Bond) บนแอปพลิเคชันเป๋าตังในปี 2565 รวม 11 รุ่นจากผู้ออก 8 ราย คิดเป็นมูลค่ารวม 29,074 ล้านบาท  4) มีบริษัทหลักทรัพย์ที่เริ่มเข้าสู่ธุรกิจตราสารหนี้ (New Players) จำนวน 5 บริษัท และ 5) โมบายแอปพลิเคชัน MeBond ที่พัฒนาโดย ThaiBMA ได้รับความนิยมจากนักลงทุนตราสารหนี้เพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆ มียอดดาวน์โหลดทะลุ 35,000 ครั้งในปี 2565 เพิ่มขึ้นกว่า 23,000 ดาวน์โหลดจากปี 2564

ยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวปี 2565 ที่ 1.27 ล้านล้านบาท สูงขึ้น 21% จากปีก่อนหน้า เป็นการเพิ่มขึ้นจากการออกของผู้ออกทั้งกลุ่ม Investment grade และกลุ่ม High yield ที่รวมถึง Non-rated จากความต้องการที่สูงของภาคเอกชนในการออกหุ้นกู้เพื่อล็อกต้นทุนทางการเงินและเตรียมการรองรับการฟื้นตัวทางเศรษฐกิจ โดยในปี 2565 ได้มีผู้ออกหุ้นกู้ระยะยาวรายใหม่ (Newcomer) จำนวน 30 บริษัท จาก 15 หมวดธุรกิจ ส่วนหมวดธุรกิจที่มีการออกหุ้นกู้ระยะยาวสูงสุด 5 อันดับแรก คือ หมวดพลังงานและสาธารณูปโภค  หมวดพัฒนาอสังหาริมทรัพย์
หมวดเงินทุนและหลักทรัพย์  หมวดปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์  และหมวดเทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร

มูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย ณ สิ้นปี 2565 อยู่ที่ 15.78 ล้านล้านบาท เพิ่มขึ้น 5.3% จากปี 2564 โดยมาจากตราสารหนี้ภาครัฐและหุ้นกู้ภาคเอกชนที่ขยายตัวในอัตรา 14% และ 9% ทำให้มีมูลค่าคงค้างที่
7.77 ล้านล้านบาท และ 4.57 ล้านล้านบาท ตามลำดับ

กระแสเงินลงทุนจากต่างประเทศ (Fund flow) ในปี 2565 นักลงทุนต่างชาติเข้าซื้อสุทธิในช่วง
ไตรมาสหนึ่งก่อนจะเปลี่ยนเป็นการขายสุทธิในช่วงไตรมาสสองถึงสาม แล้วจึงกลับเข้าซื้อสุทธิอีกครั้งในไตรมาสสี่
เมื่อรวมทั้งปี 2565 นักลงทุนต่างชาติมียอดการซื้อสุทธิสะสมตั้งแต่ต้นปีที่ 4.7 หมื่นล้านบาท ณ สิ้นปี 2565 นักลงทุนต่างชาติมียอดการถือครองตราสารหนี้ไทยที่ระดับ 1.07 ล้านล้านบาท คิดเป็นสัดส่วน 6.8% ของมูลค่าคงค้างตลาดตราสารหนี้ไทย โดยอายุคงเหลือเฉลี่ยของตราสารหนี้ที่นักลงทุนต่างชาติถือครองเท่ากับ 7.96 ปี

เส้นอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย (Government bond yieldcurve) ในปี 2565 ปรับตัวสูงขึ้นทุกรุ่นอายุ ตามทิศทางการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายอย่างต่อเนื่องของเฟด เพื่อคุมอัตราเงินเฟ้อและการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบายของไทยที่ทั้งปีมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 3 ครั้ง รวม 0.75% มาอยู่ที่ 1.25% ส่งผลให้ Bond yield ไทยรุ่นอายุ 2 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 0.97% จากสิ้นปีที่แล้วมาอยู่ที่ 1.63% ณ สิ้นปี 2565 ส่วน Bond yield 10 ปี ปรับตัวสูงขึ้น 0.74% มาอยู่ที่ 2.64% ณ สิ้นปี 2565

เส้นอัตราผลตอบแทนตราสารหนี้ภาคเอกชน (Corporate bond yield curve) อายุ 5 ปีของหุ้นกู้ทุกอันดับเครดิตปรับตัวสูงขึ้นในปี 2565 ในทิศทางเดียวกันกับอัตราผลตอบแทนพันธบัตรรัฐบาลไทย ส่งผลให้อัตราผลตอบแทนหุ้นกู้อายุ 5 ปีของผู้ออกทุกอันดับเครดิตสูงขึ้นโดยเฉลี่ย 59 pbs. โดย ณ สิ้นปี 2565 อันดับเครดิต AAA ขยับขึ้นมาที่ 2.72%  AA ที่ 3.07%  A ที่ 3.25%  BBB+ ที่ 4.31% และ BBB ที่ 5.03%

ทั้งนี้ ดร.สมจินต์ ศรไพศาล กรรมการผู้จัดการ สมาคมตลาดตราสารหนี้ไทย (ThaiBMA) คาดว่าปี 2566 น่าจะได้เห็นยอดการออกหุ้นกู้ระยะยาวไม่ต่ำกว่า 1 ล้านล้านบาทจากความต้องการของภาคเอกชนในการออกหุ้นกู้ที่ยังมีอย่างต่อเนื่องจากในปีที่ผ่านมา ในขณะที่การสำรวจการคาดการณ์อัตราดอกเบี้ยของผู้ร่วมตลาดคาดว่า กนง.จะมีการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 2-3 ครั้งในปี 2566 สู่ระดับ 1.75-2.00% ส่วน Bond yield รุ่นอายุ 5 ปี และ 10 ปี ตลาดมีการคาดการณ์ว่าจะปรับตัวสูงขึ้นเล็กน้อยในกรอบ 20-30 bps. จากสิ้นปี 2565

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon