มิติหุ้น – ดร.วิศิษฐ์ องค์พิพัฒนกุล กรรมการผู้จัดการ บล. ทรีนีตี้ เปิดเผยว่า ปัจจัยที่สำคัญที่สุดคือทิศทางเศรษฐกิจโลกและตลาดหุ้นและตลาดหุ้นโลก คือทิศทางการตัดสินใจของธนาคารกลางสหรัฐ หรือ FED ในช่วงกลางปี โดยคาดการณ์ไว้ 3 กรณี 1. ขึ้นดอกเบี้ยอยู่ที่ระดับ 5% แล้วคงระดับไว้ทั้งปี ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับตัวขึ้น และจะมี Fund Flow ไหลเข้าเอเชียเหนือมากขึ้น เช่น จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้ มองโอกาสเกิน 35-40%
2. ปรับลดดอกเบี้ยลงช่วงปลายปีลง 1-1.5% จะส่งผลดีต่อหุ้นในตลาด Emerging Market มองโอกาสเกิน 30-35% 3.ปรับขึ้นดอกเบี้ยในช่วงปลายปี สู่ระดับ 6.5% ตลาดหุ้นทั่วโลกจะปรับฐานแรง มองโอกาสเกิน 20%
ขณะเดียวกันเศรษฐกิจในสหรัฐมีแนวโน้มติดลบใน Q2/66 ที่ 0.1% และต่อเนื่องมาจนถึง Q1/67 ติดลบที่ 2.3% ส่งผลให้ Fund Flow ไหลออกจากสหรัฐมายังเอเชียมากขึ้น คาดตลาดหุ้นไทยมีโอกาสแตะที่ระดับ 1,760 จุด โดยสัปดาห์แรกปี 66 ในตลาดหุ้นไทย ต่างชาติซื้อสุทธิ กว่า 7.8 พันลบ. ซื้อจะไหลเข้ามากในช่วง Q1/66 ก่อนที่จะเริ่มชะลอตัวลงใน Q2/65 และไหลไปทางเอเชียเหนือ โดยเฉพาะกลุ่มเทคโนโลยีใน จีน ไต้หวัน เกาหลีใต้
ขณะเดียวกันยังมีปัจจัยบวกในไทย จากการเลือกตั้ง โดยสถิติการเลือกตั้ง 12 ครั้ง ตั้งแต่ปี 31 ตลาดหุ้นไทยให้ผลตอบแทน 5.2% ช่วง 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง อีกทั้งจีนมีการเปิดประเทศคาดนักท่องปี66 ประมาณ 24-25 ล้านคน หนุนเศรษฐกิจไทย(GDP) โตในอัตรา 3.5-3.8%
ส่วนปัจจัยลบ การที่จีนเปิดประเทศอาจนำไปสู่การระบาดของโควิดรอบใหม่ การส่งออกที่ได้รับผลกระทบเชิงลบจากเศรษฐกิจโลกที่ถดถอย และมุมมองการปรับขึ้นดอกเบี้ยของ FED ในช่วงกลางปี
แนะพอร์ตการลงทุนในปี 66 ลงทุนใน Global Fixed Income 25 – 30% หุ้นใน Emerging Market 20 – 25% โดยเน้นน้ำหนักหุ้นจีน และเวียดนาม หุ้นไทย 10 – 15% ทองคำ 5 – 10% หุ้นยุโรปและหุ้นญี่ปุ่น 5% และเงินสด 25 – 30%
หุ้นแนะนำ BBL GPSC PRM EGCO CK DEMCO
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon