บลจ.ไทยพาณิชย์ เผยเงินเฟ้อสหรัฐฯ เริ่มชะลอตัว โอกาสทองของตราสารหนี้และตลาดหุ้นไทย เปิดเสนอขายกองทุน SCBDSHARC1YF วันที่ 18 – 30 ม.ค. 66

68

มิติหุ้น – นางนันท์มนัส เปี่ยมทิพย์มนัส ประธานเจ้าหน้าที่บริหารการลงทุน บริษัทหลักทรัพย์จัดการกองทุน ไทยพาณิชย์ จำกัด หรือ SCBAM เปิดเผยว่า แม้ภาพรวมเศรษฐกิจโลกในปี 2566 ยังมีสภาวะการเงินที่ตึงตัวและความเสี่ยงด้านเศรษฐกิจถดถอยของสหรัฐฯและยุโรปยังอยู่ในจุดที่ยังต้องเฝ้าระวัง แต่บริษัทฯ มองว่ายังมีโอกาสสร้างผลตอบแทนได้จากการลงทุนในสินทรัพย์ที่มีความเสี่ยงต่ำอย่างตราสารหนี้ ที่มีความเสี่ยงจากการลงทุนที่เริ่มลดลงตามสัญญาณของอัตราเงินเฟ้อที่ชะลอตัวลง ซึ่งในเดือนธันวาคม 2565 ตัวเลขอัตราเงินเฟ้อ (CPI) ของสหรัฐฯ อยู่ที่ +6.5% YoY ซึ่งชะลอตัวลงจากเดือนก่อนหน้าที่ +7.1% YoY และ -0.1% MoM นับเป็นการติดลบครั้งแรกในรอบ 2 ปีครึ่ง อาจเป็นการส่งสัญญาณว่าเงินเฟ้อสหรัฐฯ ได้ผ่านจุดสูงสุดแล้ว ซึ่งหาก CPI มีทิศทางการอ่อนตัวที่ชัดเจน ก็มีโอกาสที่ FED จะชะลอการปรับขึ้นดอกเบี้ย และหากอัตราดอกเบี้ยเริ่มทรงตัว ตลาดตราสารหนี้จะมีโอกาสกลับมาสร้างผลตอบแทนที่ดีในระยะข้างหน้าได้ สำหรับตลาดหุ้นที่บริษัทฯ มองว่ายังมีศักยภาพการเติบโต คือตลาดหุ้นไทย ที่เริ่มมีการฟื้นตัวอย่างต่อเนื่องมาตั้งแต่ช่วงไตรมาส 3/65 จากการผ่อนปรนมาตรการการเดินทางและเปิดประเทศ ทำให้ภาคท่องเที่ยวเป็นปัจจัยหนุนที่สำคัญต่อการฟื้นตัว และการส่งต่อกำลังซื้อและการเติบโตไปสู่ภาคส่วนอื่น ๆ เช่น ภาคบริการ ภาคขนส่ง เป็นต้น นอกจากนี้ ไทยยังได้รับอานิสงค์จากการเปิดประเทศของจีนที่เกิดขึ้นเร็วกว่าที่ตลาดคาดการณ์ และมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐที่ต้องการกระตุ้นการบริโภคในประเทศ มาเป็นปัจจัยเสริมและหนุนการเติบโตของกลุ่มอุตสาหกรรมอื่นๆเพิ่มเติม เช่น กลุ่มค้าปลีก, โรงแรม, วัสดุก่อสร้าง, รับเหมาก่อสร้าง และธนาคารพาณิชย์ ซึ่งเป็นกลุ่มหุ้นขนาดใหญ่ใน SET50 Index ซึ่งมีความได้เปรียบเชิงการแข่งขันระยะยาว และในภาวะปกติจะมีความแน่นอนของผลประกอบการของธุรกิจสูง มีส่วนแบ่งการตลาดและการบริหารต้นทุนที่ดี จึงทำให้ตลาดหุ้นไทยยังคงน่าลงทุนอยู่ไม่น้อย

ด้วยมุมมองดังกล่าวนี้ บริษัทฯ จึงออกเสนอขายกองทุนเปิดไทยพาณิชย์ Double Structured Complex Return 1YF ห้ามขายผู้ลงทุนรายย่อย หรือ กองทุน SCBDSHARC1YF กองทุน Complex Fund อายุ 1 ปี ที่จะสามารถช่วยลดความเสี่ยงด้านสภาพคล่องของการลงทุน และมีโอกาสรับผลตอบแทนจากการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในประเทศ และ/หรือ ต่างประเทศ ประมาณร้อยละ 98.50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนส่วนนี้เติบโตครอบคลุมเงินต้น และนำเงินลงทุนอีกประมาณร้อยละ 1.50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เข้าลงทุนในสัญญาออปชั่น (Option) หรือสัญญาวอร์แรนท์ (Warrant) ที่อ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50

โดยกองทุนจะมีการลงทุนในเงินฝากและตราสารหนี้คุณภาพดีทั้งในประเทศ และ/หรือ ต่างประเทศ ประมาณร้อยละ 98.50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน (NAV) โดยมีเป้าหมายให้เงินลงทุนส่วนนี้เติบโตครอบคลุมเงินต้น และนำเงินลงทุนอีกประมาณร้อยละ 1.50 ของมูลค่าทรัพย์สินสุทธิของกองทุน เข้าลงทุนในสัญญาออปชั่น (Option) หรือสัญญาวอร์แรนท์ (Warrant) ที่อ้างอิงกับการเคลื่อนไหวของดัชนี SET50 โดยจะใช้ราคาปิดของ SET50 Index ของทุกวันทำการมาพิจารณา เพื่อหาผลตอบแทนส่วนเพิ่มจากการเปลี่ยนแปลงของราคา SET50 Index แบบ twin -win เมื่อราคาดัชนีปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงไม่เกิน 10% เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ ณ วันเริ่มต้นสัญญา จะมีโอกาสรับผลตอบแทนส่วนเพิ่มสูงสุดที่ 5% แต่หากราคาสินทรัพย์ระหว่างอายุสัญญาปรับเพิ่มขึ้นหรือลดลงมากกว่า 10% เมื่อเทียบกับราคาสินทรัพย์ ณ วันเริ่มต้นสัญญา ก็ยังมีโอกาสที่จะได้รับเงินผลตอบแทนชดเชยที่ 0.25% ได้ โดยกองทุนนี้ จะเปิดขายหน่วยลงทุนเพียงครั้งเดียวระหว่างวันที่ 18-30 มกราคม 2566 เริ่มต้นลงทุนขั้นต่ำ 500,000 บาท

 

 

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon