PPS กางแผนปี 66 ตั้งเป้าโต 10% ชูกลยุทธ์ Digital Disruption ขานรับภาวะโลกร้อน สร้างการเติบโตยั่งยืน

117

มิติหุ้น – ดร.พงศ์ธร ธาราไชย ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท โปรเจค แพลนนิ่ง เซอร์วิส จำกัด (มหาชน) (PPS) เปิดเผยถึงทิศทางธุรกิจปี 2566 ว่าบริษัทตั้งเป้าหมายผลประกอบการเติบโต 10% โดยมุ่งเน้นกลยุทธ์พัฒนาระบบสารสนเทศเพิ่มประสิทธิภาพงานก่อสร้าง ขานรับภาวะโลกร้อนสร้างการเติบโตยั่งยืน

ทั้งนี้ บริษัทมีแผนการดำเนินงาน 3 เรื่องหลัก ประกอบด้วย 1. พัฒนาการบริหารงานก่อสร้าง โดยบริษัทมีแผนนำเทคโนโลยีเข้าไปในขั้นตอนการปฏิบัติงานเพื่อให้เป็นระบบ และมีความชัดเจนในกระบวนการทำงานมากขึ้น        รวมถึงการอบรมระบบมาตรฐานใหม่ ให้พนักงานมีความเข้าใจ ปฏิบัติงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ

  1. การพัฒนาระบบสารสนเทศ เพิ่มประสิทธิภาพและต่อยอดในงานก่อสร้างของบริษัท รวมถึงวางแผนจำหน่ายและให้บริการด้านซอล์ฟแวร์  ภายใต้ชื่อKANNAเป็นโปรแกรมชั้นนำจากประเทศญี่ปุ่นสำหรับงานบริหาร และควบคุมโครงการให้แก่ลูกค้าบริษัทอื่นเพื่อสร้างฐานรายได้ประจำ อีกทั้งเตรียมขอมาตรฐานด้าน IT หรือ ISO 20000-1 ที่เป็นมาตรฐานสากลสำหรับบริหารจัดการบริการด้านเทคโนโลยีสารสนเทศ
  2. การพัฒนาอย่างยั่งยืนในงานก่อสร้าง วางแผนขอมาตรฐานISO 14001 สำหรับบริหารจัดการสิ่งแวดล้อม เพื่อเป็นองค์กรที่ตรวจวัด Carbon Credit Equivalent ได้ และได้รับการรับรองจากองค์กรบริหารก๊าซเรือนกระจก โดยปีนี้ภาครัฐประกาศให้มีการบังคับใช้นโยบายความเป็นกลางทางคาร์บอน (Carbon Neutrality) คาดว่าจะมีบริษัทจำนวนมากที่มองหาที่ปรึกษาเกี่ยวกับลดคาร์บอน ซึ่ง PPS มีความพร้อมในการเป็นที่ปรึกษา จากประสบการณ์ที่บริษัทมีการบันทึกคาร์บอนมาตั้งแต่ปี 2561 และรับรางวัลด้านความยั่งยืน (Sustainability) มาอย่างต่อเนื่อง

สำหรับแนวโน้มการดำเนินงาน 2566 บริษัทมีโอกาสรับงานเข้ามาอย่างต่อเนื่อง อาทิ งานกลุ่มสนามบิน กลุ่มงานกรมโยธา งานห้างสรรพสินค้าขนาดเล็ก – ใหญ่ ส่งผลให้ปัจจุบันบริษัทมีงานในมือ (Backlog) อยู่ที่ประมาณ 570ล้านบาท ซึ่งจะรับรู้รายได้ในปีนี้ประมาณ 300 ล้านบาท และเตรียมความพร้อมเพื่อยื่นเสนองานภาครัฐและเอกชน ซึ่งคาดว่าจะมีโครงการที่ทยอยลงทุนหลายงานตามภาพรวมเศรษฐกิจที่ฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง

ขณะที่ ภาพรวมภาคการท่องเที่ยวปรับตัวดีขึ้น  ทิศทางอสังหาริมทรัพย์จังหวัดภูเก็ตขยายตัวเช่นกัน โดยเฉพาะกลุ่มอสังหาฯ ที่มีมูลค่า 50-200 ล้านบาท โดยโครงการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ประเภทลักซ์ชัวรี่วิลล่าในที่ดินแหลมยามูจ.ภูเก็ต (Headland Cape Yamu) อยู่ระหว่างปรับแผนการตลาดเพื่อปิดการขายให้ได้ตามเป้า ได้อย่างน้อย 2 หลังในปีนี้ ทั้งนี้ โครงการเฟสแรกจำนวน 8 ยูนิต มูลค่าโครงการรวมกว่า 2,000 ล้านบาท ราคาเริ่มต้น 240 ล้านบาทต่อยูนิต ปัจจุบันก่อสร้างแล้วเสร็จ จำนวน 2 หลัง

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon