มิติหุ้น- นายธนวัฒน์ ตรีวิศวเวทย์ กรรมการผู้จัดการ บริษัท ซีเค พาวเวอร์ จำกัด (มหาชน) หรือ CKP หนึ่งในผู้ผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนที่ใหญ่ที่สุดในภูมิภาค เปิดเผยว่า ในปี 2565 มีผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องในทุกมิติของการดำเนินงาน ทั้งในด้านรายได้ กำไร สินทรัพย์ และส่วนแบ่งผลกำไรจากการลงทุนที่เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ ในขณะที่ หนี้สินของบริษัทฯ ลดลงตามแนวทางการบริหารจัดการทางการเงิน โดยในปีที่ผ่านมา มีรายได้รวม 11,418.3 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีรายได้ 9,334.7 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 2,083.6 ล้านบาท คิดเป็น 22.3% เป็นรายได้สูงสุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯและเป็นครั้งแรกที่มีรายได้รวมเกิน 10,000 ล้านบาท
ในปี 2565 บริษัท มีกำไรสุทธิ 2,436.2 ล้านบาท ซึ่งเป็นกำไรสุทธิที่สูงที่สุดตั้งแต่ก่อตั้งบริษัทฯ โดยเพิ่มขึ้นจากปีก่อนที่มีกำไร 2,179.0 ล้านบาท หรือเพิ่มขึ้น 257.2 ล้านบาท คิดเป็น 11.8% ทั้งนี้ เป็นผลมาจากการรับรู้ส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าและบริษัทร่วมเพิ่มขึ้น 39.3% จากปีก่อน เนื่องจากโรงไฟฟ้าพลังน้ำ ไซยะบุรี (XPCL) มีปริมาณน้ำไหลผ่านเฉลี่ยมากกว่าปีก่อน ส่งผลให้ปริมาณการขายไฟฟ้าเพิ่มขึ้น และผลประกอบการของ XPCL ในภาพรวมเติบโตกว่าปีก่อนอย่างมีนัยสำคัญ
สำหรับฐานะทางการเงินของ CKPower ณ วันที่ 31 ธันวาคม 2565 บริษัทฯ มีสินทรัพย์ 69,846.0 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากปีก่อน 1.3% ขณะเดียวกัน มีหนี้สินรวม 31,906.6 ล้านบาท ลดลง 2.9% จากการทยอยชำระคืนเงินกู้ยืมจากสถาบันการเงิน และจากการไถ่ถอนหุ้นกู้ที่ครบกำหนดชำระ ส่งผลให้อัตราส่วนหนี้สินที่มีภาระดอกเบี้ยจ่ายสุทธิต่อส่วนของผู้ถือหุ้นรวม (Net Interest-bearing Debt to Equity Ratio) ปรับตัวลดลงจากปีก่อน โดย ณ สิ้นปี 2565 อยู่ในระดับค่อนข้างต่ำที่ 0.59 เท่า
“CKP มีผลประกอบการที่ดี แม้จะต้องเผชิญสถานการณ์ค่าพลังงานที่สูงตามสถานการณ์พลังงานในตลาดโลก ทั้งนี้เป็นผลมาจากกลยุทธ์ของบริษัทฯ ที่มุ่งเน้นการลงทุนในโรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียน ซึ่งลดการพึ่งพิงเชื้อเพลิงฟอสซิลที่มีราคาผันผวน เราตั้งเป้าที่จะเข้าไปขับเคลื่อนธุรกิจใหม่ในภูมิภาค ซึ่งทุกโครงการจะใช้พลังงานหมุนเวียนในการผลิตไฟฟ้าทั้งหมด โดยจะเพิ่มสัดส่วนการลงทุนในการผลิตไฟฟ้าจากพลังงานหมุนเวียนทั้งหมดจากเดิม 89% เป็น 95% ภายในปี 2567 นอกจากนี้ แม้ว่าการปรับเพิ่มอัตราดอกเบี้ยนโยบายของประเทศสหรัฐอเมริกา และอีกหลายประเทศทั่วโลกรวมถึงประเทศไทย จะเป็นอีกหนึ่งปัจจัยที่อาจจะส่งผลกระทบต่อผลการดำเนินงานของ CKP ในปี 2566 แต่ทั้งนี้ หนี้สินระยะยาวตามงบการเงินรวมของ CKP 83% เป็นหุ้นกู้สกุลเงินบาทที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ และในส่วนของบริษัทร่วม XPCL ก็มีนโยบายบริหารความเสี่ยงอัตราดอกเบี้ยผ่านการทำ Interest Rate Swap และการออกหุ้นกู้ที่มีอัตราดอกเบี้ยคงที่ โดยมีการติดตามการปรับตัวของอัตราดอกเบี้ยและบริหารจัดการหนี้สินระยะยาวให้มีสัดส่วนที่เหมาะสมอย่างต่อเนื่อง”
ในปี 2565 CKP มีอันดับเครดิตองค์กร (ทริสเรตติ้ง) ที่ “A” แนวโน้มอันดับเครดิต “คงที่” และ ยังได้รับการคัดเลือกให้เป็น ‘หุ้นยั่งยืน’ ประจำปี 2565 ต่อเนื่องเป็นปีที่ 3 และได้รับรางวัล Rising Star Sustainability Awards จากตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย นอกจากนี้ ยังได้รับคะแนนการกำกับดูแลกิจการ (CG Score) ในระดับ “ดีเลิศ” ต่อเนื่องเป็นปีที่ 5 จากสมาคมส่งเสริมสถาบันกรรมการบริษัทไทย รวมถึง ได้รับรางวัล ASEAN CG Scorecard (ACGS) ประจำปี 2564 ประเภท ASEAN Asset Class จาก ASEAN Capital Markets Forum (ACMF) และธนาคารพัฒนาเอเชีย (ADB)
“จากความสำเร็จของ CKP ในด้านผลการดำเนินงานที่เติบโตต่อเนื่องอย่างมั่นคงและยั่งยืนในฐานะผู้พัฒนาธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรต่อสิ่งแวดล้อม ซึ่งพิสูจน์แล้วจากรางวัลที่บริษัทได้รับจากองค์กรชั้นนำทั้งในประเทศและต่างประเทศ บริษัทยังคงยืนหยัดที่จะสร้างความมั่นคงในธุรกิจพลังงานสะอาดที่เป็นมิตรกับสิ่งแวดล้อมต่อไป เพื่อก้าวเป็นหนึ่งในผู้นำธุรกิจพลังงานหมุนเวียนในภูมิภาค” นายธนวัฒน์กล่าว
CKP มุ่งเป้าการปล่อยก๊าซเรือนกระจกสุทธิเป็นศูนย์ (Net Zero GHG emissions) ภายในปี 2593 และในปี 2565 โรงไฟฟ้าพลังงานหมุนเวียนในเครือของ CKPower ผลิตไฟฟ้าสะอาดได้ถึง 9,921 กิกะวัตต์ชั่วโมง (GWh) ซึ่งเท่ากับการลดการปล่อยก๊าซเรือนกระจกได้ถึง 5.0 ล้านตันคาร์บอนไดออกไซด์เทียบเท่าต่อปี
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/