ภาพรวมเศรษฐกิจไทยปี 2566 “รัฐมนตีว่าการกระทรวงการคลัง” ประเมินว่าเศรษฐกิจไทยจะได้รับแรงขับเคลื่อนจากภาคการท่องเที่ยว รวมถึงภาคการบริโภคที่ฟื้นตัวแรง เพราะได้รับอานิสงส์จากมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐ เช่น “ช้อปดีมีคืน”อย่างไรก็ดีส่วนสำคัญที่จะช่วยให้เศรษฐกิจฟื้นตัวอย่างเด่นชัดในปีนี้ ยังเชื่อว่ามาจากการลงทุนขนาดใหญ่ทั้งภาครัฐบาลและเอกชน รวมทั้งโครงการลงทุนใน “โครงการพัฒนาระเบียงเศรษฐกิจพิเศษภาคตะวันออก หรือ EEC” ที่จะต้องเร่งเข้ามาในช่วงครึ่งหลังปี 2566 นี้
เร่งเครื่องตลาดส่งออก
ขณะที่ “นายสนั่น อังอุบลกุล” ประธานสภาหอการค้าแห่งประเทศไทย เชื่อว่าเศรษฐกิจไทยในปี 2566 จะทยอยฟื้นตัว รวมถึงการส่งออกสินค้าจะขยายตัวอย่างน้อย 1-2% โดยมีภาคเอกชนและกระทรวงพาณิชย์ร่วมทำงานเชิงรุก เจาะตลาดการส่งออกสินค้าไทยไปสู่ภาคตะวันออกกลาง เช่น ประเทศซาอุดิอาระเบีย เป็นต้น
อีกทั้งกระทรวงพาณิชย์จะต้องเจรจาการค้าเพิ่มประเทศเข้ากรอบเขตการค้าเสรี (FTA) เพิ่มเติม ซึ่งคาดว่าภายใน 2 ปีข้างหน้า ประเทศไทยจะมีข้อตกลง FTA เพิ่มเป็น 27 ประเทศ
เศรษฐกิจไทยโต3.7%
ด้าน “นายเมธี สุภาพงษ์” รองผู้ว่าการธนาคารแห่งประเทศไทย มองว่า ปี 2566 อัตราการเติบโตของเศรษฐกิจไทย (GDP) จะสามารถเติบโตขึ้นแตะระดับ 3.7% และปี 2567 จะเติบอย่างต่อเนื่อง อย่างไรก็ตามอัตราเงินเฟ้อในปี 2566 น่าจะเริ่มชะลอตัวลงจากปี 2565 โดยอยู่ในระดับที่ทรงตัว ซึ่งยังไม่เข้าเป้าหมายกรอบเงินเฟ้อที่ตั้งไว้ที่ 1-3% แต่เชื่อว่าจะกลับเข้าสู่กรอบเป้าหมายได้ในปี 2567 ดังนั้นนโยบายการเงินจึงยังไม่สามารถผ่อนคลายได้โดยเร็วนัก
พร้อมย้ำว่า ประเทศไทยไม่จำเป็นต้องปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอย่างรวดเร็วเหมือนเช่นประเทศอื่นๆ เนื่องจากการปรับขึ้นดอกเบี้ยในแต่ละครั้งที่ทางธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ได้คำนึงถึงภาระต้นทุนที่เพิ่มขึ้นของภาคธุรกิจและประชาชน
Fund Flow ไหลเข้าต่อเนื่อง
“นายภากร ปีตธวัชชัย” กรรมการและผู้จัดการ ตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ประเมินเศรษฐกิจไทยปี 2566 จะเติบโตได้มากกว่าปีก่อน และนักลงทุนต่างชาติมีความเชื่อมั่นมากขึ้น เห็นได้จากเดือน ม.ค.2566 แค่เดือนเดียวมีเงินไหลเข้ามา 700 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งปัจจุบันค่าเงินบาทแข็งค่า 34 บาทต่อเหรียญ เทียบกับเมื่อปลายปี2565 อ่อนค่าที่ 38 บาทต่อเหรียญ
ส่วนด้านตลาดทุน อุตสาหกรรมที่จะเป็นจุดแข็งของประเทศไทย คืออุตสาหกรรมอาหาร การท่องเที่ยว การลงทุนที่ยั่งยืนและเศรษฐกิจใหม่ เนื่องจากมีการฟื้นตัวขึ้นจากปัจจัยต่างๆ เช่นการเปิดประเทศ เป็นต้น รวมถึงประเทศไทยได้นำเทคโนโลยีเข้ามาพัฒนาในด้านต่างๆ มากขึ้น เช่น การแปลงพืชเป็นเนื้อสัตว์ หรือ Plant based food โดยนำเทคโนโลยีมาใช้เพื่อให้อาหารมีมูลค่าเพิ่มขึ้น ซึ่งเป็นที่สนใจของนักลงทุนต่างชาติ
อย่างไรก็ตาม บล.หยวนต้า (ประเทศไทย) ประเมินว่า Fund Flow ยังมีทิศทางไหลกลับเข้าไทย โดยคาดว่าตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐฯ ชะลอตัวลง จะส่งผลให้ดอลลาร์อ่อนค่าลง ทั้งนี้ แนะ “ซื้อ” หุ้น BBL ราคาเป้า 190 บาท เนื่องจากได้รับประโยชน์จากอัตราดอกเบี้ยทรงตัวในระดับสูง และการเที่ยวฟื้นตัว ช่วยลดความกังวล NPLs รวมถึงลดการตั้งสำรองฯ
“ล่าสุด สภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ประกาศตัวเลขผลิตภัณฑ์มวลรวมภายในประเทศ หรือ GDP ของไทยในปี 2565 โตแค่ 2.6% ต่ำกว่าเป้าหมาย ส่วนปี 2566 คาดขยายตัว 2.7-3.7% หรือค่ากลาง 3.2%”
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon