ORI  เตรียมเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ ชูดอกเบี้ย 4.15-4.45% พร้อมเสนอขาย 17, 20 – 21 มีนาคม 2566 นี้

249

มิติหุ้น – นายพีระพงศ์ จรูญเอก ประธานเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ออริจิ้น พร็อพเพอร์ตี้ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ORI เตรียมออกและเสนอขายหุ้นกู้ชุดใหม่ต่อผู้ลงทุนทั่วไป และ/หรือ ผู้ลงทุนสถาบัน จำนวน ชุด โดยหุ้นกู้ชุดที่ อายุ ปี อัตราดอกเบี้ย 4.15% ต่อปี และหุ้นกู้ชุดที่ อายุ 4 ปี อัตราดอกเบี้ย 4.45% ต่อปี ชำระดอกเบี้ยทุก เดือน เป็นหุ้นกู้ชนิดระบุชื่อผู้ถือ ประเภทไม่ด้อยสิทธิ ไม่มีประกัน และมีผู้แทนผู้ถือหุ้นกู้ หุ้นกู้และบริษัทฯได้รับการจัดอันดับความน่าเชื่อถือจากบริษัท ทริสเรทติ้ง จำกัด เมื่อวันที่ 24 มีนาคม 2565 ที่ระดับ “BBB+” แนวโน้ม “คงที่” ทั้งนี้ บริษัทได้ยื่นแบบแสดงรายการข้อมูลและร่างหนังสือชี้ชวนต่อสำนักงานคณะกรรมการกำกับหลักทรัพย์และตลาดหลักทรัพย์ (ก.ล.ต.) และมีผลใช้บังคับแล้ว เมื่อวันที่ 24 กุมภาพันธ์ 2566 พร้อมเสนอขายหุ้นกู้ระหว่างวันที่ 17 และ 20 – 21 มีนาคม 2566 นี้ ผ่าน 4 สถาบันการเงินชั้นนำ ได้แก่ ธ.กรุงไทย ธ.กสิกรไทย ธ.ซีไอเอ็มบี ไทย และ บล. เกียรตินาคินภัทร 

นายพีระพงศ์ กล่าวต่อว่า บริษัทจะนำเงินที่ได้จากการเสนอขายหุ้นกู้ในครั้งนี้ ไปใช้ในการซื้อที่ดินเพิ่มเติมเพื่อพัฒนาโครงการ ชำระคืนหุ้นกู้ที่จะครบกำหนด และเป็นเงินทุนหมุนเวียนในการดำเนินธุรกิจ ซึ่งการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทจะคำนึงถึงทุกสถานการณ์ ตลอดจนเมกะเทรนด์ระยะยาวของโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค ตามแนวคิด “ORIGIN MULTIVERSE” หรือแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล โดยผลการดำเนินงาน ปี 2565 กลุ่มบริษัทมีกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ห้องชุดคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรร จำนวน 18,508.ล้านบาท โดยประกอบไปด้วยกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการที่ไม่ได้อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า จำนวน 11,676.ล้านบาทและกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์ของโครงการที่อยู่ภายใต้กิจการร่วมค้า จำนวน 6,832.ล้านบาท คิดเป็นส่วนแบ่งกำไรจากเงินลงทุนในการร่วมค้าทั้งสิ้น 863.ล้านบาท (ตามสัดส่วนถือหุ้น 51%) ซึ่งส่งผลให้กลุ่มบริษัท มีกำไรสำหรับปีส่วนที่เป็นของผู้ถือหุ้นจำนวน 3,774.ล้านบาท เพิ่มขึ้นร้อยละ 18.เมื่อเทียบกับงวดเดียวกันของปีก่อนนับเป็นการทำลายสถิติ ทั้งกิจกรรมการโอนกรรมสิทธิ์และกำไรสุทธิของกลุ่มบริษัท (New All Time High) ขณะเดียวกัน มีอัตรากำไรสุทธิอยู่ที่ระดับร้อยละ 24.0 

อย่างไรก็ตามกลุ่มบริษัทได้พัฒนา ปรับตัว และเปลี่ยนแปลงตัวเองอย่างต่อเนื่อง เพื่อให้สอดรับกับทุกสถานการณ์ ตลอดจนเมกะเทรนด์ระยะยาวของโลก เพื่อตอบโจทย์ความต้องการของผู้บริโภค จากวันแรกที่มีเพียงธุรกิจพัฒนาคอนโดมิเนียม สู่ปัจจุบันที่มีอาณาจักรธุรกิจใหม่จำนวนมาก ส่งผลให้ในปี 2565 กลุ่มบริษัทได้ดำเนินแผนธุรกิจภายใต้แนวคิด “ORIGIN MULTIVERSE” หรือแผนการเติบโตแบบพหุจักรวาล ภายใต้แผน ORIGIN MULTIVERSE ประกอบด้วย 3 ขั้นตอนหลัก ได้แก่ 

1. ขยายสู่จักรวาลใหม่ (Expanding to the new universeจากเดิมที่ออริจิ้นมีจักรวาลหลักคือจักรวาลพัฒนาโครงการที่อยู่อาศัย ขยายตัวเองเข้าสู่จักรวาลใหม่ๆ โดยแบ่งเป็น 4 กลุ่มจักรวาล ได้แก่

1) กลุ่มจักรวาลที่อยู่อาศัยเพื่อการขาย (Residential for Sales) พัฒนาคอนโดมิเนียมและบ้านจัดสรรมา

2) กลุ่มจักรวาลธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income Business) เช่น โรงแรม เซอร์วิส อพาร์ตเมนท์ ค้าปลีก

3) กลุ่มจักรวาลธุรกิจบริการ (Service Business) เช่น ธุรกิจให้บริการลูกบ้าน ธุรกิจการจัดการอสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจตัวแทนซื้อขาย เช่า อสังหาริมทรัพย์ ธุรกิจที่ปรึกษาด้านอสังหาริมทรัพย์

4) กลุ่มจักรวาลเมกะเทรนด์ระยะยาว (Mega Trends Business) กลุ่มธุรกิจใหม่ที่มีแนวโน้มเติบโตในระยะยาว เช่น ธุรกิจโลจิสติกส์ ธุรกิจเฮลท์แคร์ ธุรกิจพลังงาน ธุรกิจด้านการเงิน ธุรกิจเอนเตอร์เทนเมนท์ ฯลฯ เพื่อยกระดับคุณภาพการใช้ชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

2. แยกกันเติบโตแบบคู่ขนาน (Growing in the separated timeline) ให้ทุกบริษัทย่อยมีเส้นทางการเติบโตแบบคู่ขนานในจักรวาลของตัวเอง ผ่านการจัดทัพผู้บริหารมืออาชีพในธุรกิจนั้นๆ เข้าไปช่วยดูแลทิศทางการเติบโต สร้างจุดแข็งให้แก่ทุกกลุ่มธุรกิจ โดยจะมีบริษัทย่อยที่มีแผนจะเข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (IPO) เพิ่มเติม นำโดย บริษัท บริทาเนีย จำกัด (มหาชน) หรือ BRI ผู้พัฒนาอสังหาริมทรัพย์แนวราบ ที่ออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ไปแล้วเมื่อปลายปี 2564 ตามด้วย บริษัท พรีโม เซอร์วิส โซลูชั่น จำกัด (มหาชน) หรือ PRI ผู้นำธุรกิจบริการอสังหาริมทรัพย์ครบวงจร ที่สามารถออกและเสนอขายหุ้นสามัญเพิ่มทุนต่อประชาชนเป็นครั้งแรก (IPO) ทั้งนี้ภายในปี 25662568 กลุ่มบริษัทมีแผนที่จะนํา บริษัท วัน ออริจิ้น จํากัด ผู้ดำเนินธุรกิจที่สร้างรายได้ประจำ (Recurring Income) เช่น โรงแรม ออฟฟิศ ค้าปลีก และ บริษัท แอลฟา อินดัสเทรียล โซลูชั่น จํากัด บริษัทร่วมทุนกับบริษัท เจดับเบิ้ลยูดี อินโฟโลจิสติกส์ จำกัด (มหาชน) เพื่อดำเนินธุรกิจอสังหาริมทรัพย์เพื่อการอุตสาหกรรม เช่น คลังสินค้า โลจิสติกส์ นิคมอุตสาหกรรม ครบวงจร เข้าจดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย ตามลําดับ (อาจมีการเปลี่ยนแปลงโดยขึ้นอยู่กับผลการดําเนินงานของแต่ละกลุ่มบริษัท)

3. เชื่อมโยงอีโคซิสเท็ม (Connecting the ecosystemเชื่อมโยงทุกจักรวาลที่แยกย้ายกันไปเติบโต กลับมาดูแลผู้บริโภคร่วมกันเป็นอีโคซิสเท็ม สร้าง Multiverse of Happiness ที่ครอบคลุมการดูแลและยกระดับคุณภาพชีวิตของผู้บริโภคแบบครบวงจร

สำหรับผู้ลงทุนทั่วไปที่สนใจลงทุนหุ้นกู้ สามารถจองซื้อขั้นต่ำ 100,000 บาท และทวีคูณของ 100,000 บาท ผ่านสถาบันการเงินทั้ง 4 แห่ง ดังต่อไปนี้

  • ธนาคารกสิกรไทย (โดยบุคคลธรรมดาจองซื้อทางออนไลน์ผ่าน https://www.kasikornbank.com/kmyinvest ยกเว้นบุคคลสัญชาติต่างด้าว และนิติบุคคล สามารถจองซื้อผ่านสำนักงานใหญ่และสาขา) โทร. 028888888 กด 819
  • ธนาคาร ซีไอเอ็มบี ไทย โทร. 026267777 หรือ จองซื้อผ่าน Mobile application – CIMB Thai Digital Banking
  • ธนาคารกรุงไทย โทร. 021111111 หรือจองซื้อทางออนไลน์ ผ่านแอปพลิเคชัน Krungthai Next หรือ ผ่าน Money Connect by Krungthai (https://moneyconnect.krungthai.com/) 
  • บล. เกียรตินาคินภัทร (รวมถึง ธนาคารเกียรตินาคินภัทร ในฐานะหน่วยงานขาย) โทร. 021655555
  • ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง

    Web : https://www.mitihoon.com/

    Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon

    Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770

    Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon