มิติหุ้น – นายกรณ์ ณรงค์เดช ประธานเจ้าหน้าที่ฝ่ายบริหาร บริษัท ไรมอน แลนด์ จำกัด (มหาชน) เปิดเผยว่า ผลการดำเนินธุรกิจของไรมอน แลนด์ ในปี 2565 ที่ผ่านมา นับว่าบริษัทฯ ประสบความสำเร็จ มีผลประกอบการที่โดดเด่นเป็นอย่างยิ่ง โดยเฉพาะในช่วงไตรมาสสุดท้ายของปี ที่สามารถทำกำไรได้จากที่มีผลขาดทุนในปีก่อนหน้านั้น รวมถึงบริษัทฯ ยังมียอดขายในไตรมาสเดียวกัน ที่สูงมากขึ้นกว่าปีก่อนเกือบเท่าตัว ขณะที่ยอดขายทั้งปี ก็ยังขยับสูงขึ้นเกือบ 7% จากปี 2564 ซึ่งเป็นเรื่องน่ายินดีมากที่ลูกค้าของ RML เชื่อมั่นในแบรนด์และคุณภาพโครงการ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ จึงทำให้การโอนโครงการเดินหน้าไปอย่างรวดเร็ว โดยเริ่มโอนกรรมสิทธิ์ตั้งแต่ไตรมาสที่ 3 ปี 2565 และมียอดโอนไปแล้วประมาณ 50% ของจำนวนยูนิตพร้อมขาย และคาดว่า จะปิดการขายในปีนี้อย่างแน่นอน
“ในไตรมาสที่ 4 ของปี 2565 บริษัทฯ สามารถพลิกกลับมามีกำไร เนื่องจากผลการดำเนินงานที่สะท้อนถึงการบริหารงานที่มีประสิทธิภาพ จากการบริหารจัดการต้นทุนโครงการของ RML ในปัจจุบัน รวมถึงการบริหารต้นทุนทางการเงินที่มีดอกเบี้ยแบบอัตราลอยตัวและอัตราคงที่ในสัดส่วนที่เหมาะสม นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังประสบความสำเร็จจากการรีแบรนด์ ภายใต้สโลแกน ‘ลักชัวรี่ รีอิมเมจิ้น (Luxury Reimagined)’ เพื่อยกภาพลักษณ์ของแบรนด์ให้เข้าถึงง่าย ทันสมัย และขยายกลุ่มเป้าหมายให้เข้าถึงทุกเจเนอเรชั่นที่มีกำลังซื้อของตลาดลักชัวรี่และอัลตร้าลักชัวรี่ จึงทำให้โครงการได้รับการตอบรับ ที่ดีมาก โดยทั้งสองโครงการภายใต้การร่วมทุนกับ โตเกียว ทาเทโมโนะ คือ ‘ดิ เอสเทลล์ พร้อมพงษ์’ มียอดขายแล้ว ประมาณ 80% และ ‘เทตต์ สาทร ทเวลฟ์’ (Tait Sathorn 12) มียอดขายแล้วประมาณ 90%” นายกรณ์ กล่าว
สำหรับทิศทางการดำเนินธุรกิจในปี 2566 บริษัทฯ ปรับเปลี่ยนกลยุทธ์การลงทุนในโครงการต่างๆ จากการระดมทุนด้วยตนเองไปสู่การลงทุนร่วมกับบริษัทอื่น (Joint venture) รวมทั้งกลยุทธ์ แอสเสท ไลท์ (Asset light) ซึ่งเน้นเปิดโครงการร่วมกับเจ้าของที่ดินเพื่อพัฒนาโครงการ ทำให้ประหยัดต้นทุนค่าที่ดินมากขึ้น นอกจากนี้ บริษัทฯ ยังคงมุ่งพัฒนาและลงทุนโครงการ ที่สร้างรายได้หมุนเวียนต่อเนื่อง (Recurring Income) สามารถรับรู้รายได้เร็ว และรายได้ประจำมากขึ้น โดยในไตรมาสที่ 2 ของปีนี้ จะเปิดให้บริการ ‘วัน ซิตี้ เซ็นเตอร์’ (One City Centre) อาคารสำนักงานเกรดเอ ระดับลักชัวรี่ที่สูงที่สุดในประเทศไทย บนสุดยอดทำเลใจกลางย่านธุรกิจติดสถานีรถไฟฟ้าบีทีเอสเพลินจิต ซึ่งจะเป็นปัจจัยหนุนให้บริษัทฯ มีรายได้ประจำและ กระแสเงินสดเข้ามาอย่างต่อเนื่อง ทางโครงการฯ ได้รับผลตอบรับที่ดีมากแม้ยังไม่ได้เปิดทำการเต็มรูปแบบก็ตาม ปัจจุบันมีอัตราการเช่าแล้วกว่า 50% และมีบริษัทชั้นนำมากมายเข้าเซ็นสัญญาแล้ว อาทิ มิตซูบิชิ เอสเตท (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ เฮฟวี่ อินดัสตรี่ (ประเทศไทย), มิตซูบิชิ พาวเวอร์ (ประเทศไทย), มารูเบนิ (ประเทศไทย) และอีกหลากหลาย องค์กรดังระดับโลก
นอกจากนั้น บริษัทฯ ยังมีแผนเปิดตัวโครงการใหม่ในรูปแบบ อัลตร้า ลักชัวรี่ แบรนด์เด็ด เรสซิเดนซ์ (Ultra-Luxury Branded Residence) 2 แห่ง โครงการแรกคือ โรสวูด เรสซิเดนซ์เซส กมลา (Rosewood Residences Kamala) จังหวัดภูเก็ตโดยจะพัฒนาในรูปแบบโครงการวิลล่าสุดหรูส่วนตัวเพียงไม่กี่หลัง มูลค่าโครงการรวมกว่า 7 พันล้านบาท และอีกโครงการ ในโซนสุขุมวิท เพื่อมุ่งมั่นสู่การเป็นผู้นำอันดับ 1 ในด้านการพัฒนาอสังหาริมทรัพย์ ระดับลักชัวรี่ และอัลตร้าลักชัวรี่
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon