มิติหุ้น – บล. โกลเบล็ก (GBS) ประเมินหุ้นไทยสัปดาห์นี้แกว่งตัวผันผวนจากวิกฤตสภาพคล่องของธนาคารทั้งในยุโรป-สหรัฐ ประกอบกับเฟดส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ จึงให้กรอบการเคลื่อนไหวของดัชนีที่ระดับ 1,570-1,620 จุด พร้อมแนะกลยุทธ์ลงทุนหุ้นได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยว ชู 7 หุ้นเด่นน่าลงทุน ได้แก่ AOT-BAFS-AAV-BA-MINT-CENTEL-ERW
นางสาววิลาสินี บุญมาสูงทรง ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บริษัทหลักทรัพย์ โกลเบล็ก จำกัด หรือ GBS ประเมินทิศทางตลาดหุ้นไทยสัปดาห์นี้ยังแกว่งตัวผันผวน จากความวิตกของนักลงทุนเกี่ยวกับแนวโน้มการเกิดวิกฤตสภาพคล่องในภาคธนาคารจากทั้งทางฝั่งยุโรปและฝั่งสหรัฐ หลังธนาคารกลางสหรัฐประกาศอุ้มสภาพคล่องของ SVB และเตรียมเงินกู้ให้แก่ธนาคารพาณิชย์อีก 2 ล้านล้านดอลลาร์เข้าสู่กลุ่มธนาคารพานิชย์ สอดคล้องกับ UBS ให้ความช่วยเหลือทางการเงินกับ Credit Suisse ในประเทศสวิสเซอร์แลนด์
ขณะที่ธนาคารกลางสหรัฐ (เฟด) ได้มีมติปรับขึ้นดอกเบี้ยที่ระดับ 0.25% ในการประชุมเดือนมี.ค. ที่ผ่านมาส่งผลให้กรอบอัตราดอกเบี้ยขึ้นมาสู่ระดับ 4.75-5.00% พร้อมทั้งส่งสัญญาณขึ้นดอกเบี้ยครั้งสุดท้ายในการประชุมเดือนพฤษภาคมนี้ส่งผลให้ตลาดผ่อนคลายมากขึ้น และความกังวลต่อปัญหาความไม่สงบระหว่างจีนกับสหรัฐที่ล่าสุดทางสมาชิกสภาฯ สหรัฐกังวลเกี่ยวกับแอพติ๊กต๊อกว่าจีนมีแนวโน้มเข้าถึงข้อมูลผู้ใช้งานติ๊กต๊อกชาวอเมริกันหลายล้านคนและจะเป็นภัยต่อความมั่นคงของสหรัฐ
อีกทั้งทางสำนักข่าวนิกเกอิเอเชียรายงานว่า กลุ่มนักลงทุนในทวีปเอเชียกำลังเตรียมยื่นฟ้องร้องดำเนินคดีกับรัฐบาลสวิตเซอร์แลนด์จากกรณีการตัดมูลค่าของตราสารทางการเงินที่นับเป็นเงินกองทุนชั้นที่ 1 หรือ AT1 มูลค่า 1.7 หมื่นล้านดอลลาร์ของธนาคารเครดิต สวิส ลงเหลือศูนย์
ส่วนด้าน IMF เตือนว่า ความเสี่ยงต่อความมั่นคงทางการเงินปรับตัวเพิ่มขึ้นพร้อมเรียกร้องให้ทุกฝ่ายระมัดระวัง โดยปีนี้จะเป็นปีที่ท้าทายอีกปีอันเป็นผลจากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 สงครามยูเครน และการขึ้นดอกเบี้ย ประกอบกับราคาน้ำมันดิบที่อ่อนแรงยังกดดันหุ้นกลุ่มพลังงาน จึงคาดการณ์กรอบดัชนีในสัปดาห์นี้ไว้ที่ระดับ 1,570-1,620 จุด
ส่วนสถานการณ์ความไม่สงบยังคงมีต่อเนื่อง ล่าสุดทางศาลอาญาระหว่างประเทศ (ICC) ออกแถลงการณ์ ระบุว่า ICC ออกหมายจับประธานาธิบดีวลาดิเมียร์ ปูติน ผู้นำรัสเซีย และนางมาเรีย อเล็กเซเยฟนา ลโวนา-เบโลวา ประธานคณะกรรมาธิการสิทธิเด็กของรัสเซีย ส่วนทางเกาหลีเหนือได้มีการซ้อมยิงขีปนาวุธข้ามทวีป (ICBM) “ฮวาซอง-17” (Hwasong-17) เป็นการส่งสัญญาณเตือนที่จริงจังยิ่งขึ้นต่ออริศัตรู ท่ามกลางการซ้อมรบร่วมทางทหารครั้งใหญ่ระหว่างสหรัฐและเกาหลีใต้
นอกจากนี้ยังมีปัจจัยที่ต้องจับตาในประเทศ อาทิ สัปดาห์ที่ 5 สำนักงานเศรษฐกิจอุตสาหกรรม (สศอ.) แถลงดัชนีผลผลิตอุตสาหกรรม สำนักงานเศรษฐกิจการคลัง (สศค.) รายงานภาวะเศรษฐกิจการคลัง ภาวะเศรษฐกิจภูมิภาค และดัชนีความเชื่อมั่นอนาคตเศรษฐกิจภูมิภาค วันที่ 29 มี.ค. ประชุมกนง. ครั้งที่ 2/2566 วันที่ 31 มี.ค. ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) รายงานภาวะเศรษฐกิจไทย และวันที่ 14 พ.ค. เลือกตั้ง ส่วนปัจจัยต่างประเทศ วันนี้ (28 มี.ค.) ทางสหรัฐ รายงานสต็อกสินค้าคงคลังภาคค้าส่งเดือนก.พ. ราคาบ้านเดือนม.ค. ดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค.จาก Conference Board วันที่ 29 มี.ค. สหรัฐ รายงายยอดทำสัญญาขายบ้านที่รอปิดการขายเดือนก.พ. และสต็อกน้ำมันรายสัปดาห์ วันที่ 30 มี.ค. อียู รายงานดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคเดือนมี.ค. สหรัฐ รายงานจำนวนผู้ขอรับสวัสดิการว่างงานรายสัปดาห์ GDP 4Q65 วันที่ 31 มี.ค. จีน รายงานดัชนีผู้จัดการฝ่ายจัดซื้อ (PMI) ภาคการผลิตเดือนมี.ค. และวันที่ 3 เม.ย. กำหนดการประชุมของกลุ่มโอเปกพลัสเกี่ยวกับนโยบายการผลิตน้ำมัน
ดังนั้น แนะนำกลยุทธ์การลงทุนในหุ้นที่ได้ประโยชน์จากการฟื้นตัวของการท่องเที่ยวจากจำนวนนักท่องเที่ยวเพิ่มขึ้น โดยหุ้นที่ได้อานิสงส์ ได้แก่ AOT, BAFS, AAV, BA, MINT, CENTEL และ ERW
ส่วนทิศทางการลงทุนในทองคำ นายณัฐวุฒิ วงศ์เยาวรักษ์ ผู้อำนวยการฝ่ายวิจัย บล. โกลเบล็ก ประเมินภาพรวมราคาทองคำในสัปดาห์นี้ยังคงต้องจับตาประกาศตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นผู้บริโภคและเงินเฟ้อส่วนบุคคล Core PCE ของสหรัฐ ขณะที่สัญญาณ SPDR มีแนวโน้มดีมากขึ้นหลังกลับเข้าซื้อทองคำในเดือนมีนาคมแล้วกว่า 7.81 ตัน เป็นแรงหนุนทองคำ
ฝ่ายวิจัยประเมินว่าแนวโน้มราคาทองคำเริ่มฟื้นตัว ขณะที่เฟดยังยืนยันปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีก 0.25% ภายในไตรมาส 2/66 เพื่อสกัดเงินเฟ้อ ส่งผลให้ต้นทุนทางการเงินปรับตัวสูงขึ้น ปริมาณหนี้เสียที่เพิ่มขึ้นอาจทำให้ธนาคารขนาดเล็กล้มละลายเพิ่ม ทำให้ทองคำซึ่งเป็นสินทรัพย์ปลอดภัยจึงได้รับผลบวก คาดว่าราคาทองคำอาจทรงตัวในกรอบ 1,950-2,030$/oz แนะนำซื้อขายตามกรอบที่ให้ไว้
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon