เฟ้นหุ้นเด็ด รับเลือกตั้งปี 66

953

ปี 2566 ประเทศไทยเข้าสู่ช่วงเวลาแห่ง “การเลือกตั้ง” โดยได้กำหนดวันเลือกตั้งในวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 ซึ่งนับว่าเป็นเวลาที่เหมาะสม เนื่องจากภาวะเศรษฐกิจในประเทศกำลังเข้าสู่ช่วงฟื้นฟู หลังบอบช้ำอย่างหนักจากวิกฤตโควิด-19 และกลับมาเปิดประเทศอย่างเต็มรูปแบบ แม้อยู่ท่ามกลางความท้าทายหลายด้าน ทั้งความกังวลเศรษฐกิจโลกถดถอย และภูมิรัฐศาสตร์การเมืองระหว่างประเทศ

ส่งผลให้หลายบริษัทหลักทรัพย์ได้ประเมินว่า จะเป็นผลเชิงบวกต่อหุ้น โดยเฉพาะกลุ่ม ค้าปลีก, รับเหมาฯ, นิคมฯ, ไฟแนนซ์ และผลิตสื่อ เนื่องจากจะได้รับอานิสงส์จากการโฆษณาประชาสัมพันธ์ การทำป้ายหาเสียง การพิมพ์บัตรหาเสียง เป็นต้น

โบรกชูกลุ่ม “Domestic Play”

บล.เอเซียพลัส มองว่า ในมุมตลาดหุ้น คาดว่าจะมีหลาย Sector ที่จะได้รับกระแสเชิงบวกจากนโยบายหาเสียงเลือกตั้งของแต่ละพรรคการเมือง เพราะส่วนใหญ่ยังเน้นในการช่วยเหลือปากท้องของประชาชนเป็นหลัก ดีต่อกลุ่ม COMMERCE, FINANCE , BANK , MEDIA , FOOD และอื่นๆ ที่ได้รับกระแสเลือกตั้งเฉพาะบางพรรค รวมถึงการลงทุนเพิ่มเติม เช่น ICT, HEALTH CARE SERVICES, AGRI, CONSTRUCTION MATERIAL และCONSTRUCTION

ด้าน บล.ฟินันเซีย ไซรัส กล่าวว่า การเลือกตั้งวันที่ 14 พฤษภาคม 2566 นี้ ทางบริษัทได้ประเมินว่า จะเป็นตัวกระตุ้น (Catalyst) เชิงบวกในระยะสั้น สำหรับกลุ่มหุ้น Domestic Play เนื่องจากเม็ดเงินที่จะสะพัดในช่วงหาเสียง และช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอย มองกลุ่มที่ได้ประโยชน์ คือ ค้าปลีก, อาหารและเครื่องดื่ม, ไฟแนนซ์ รวมถึงจะมีบางบริษัทที่ได้รับผลบวก จากการได้รับงานพิมพ์บัตรเลือกตั้ง

หุ้นพลังงาน รับอานิสงส์นโยบายพรรค

ส่วน บล.หยวนต้า ประเมินว่า นโยบายหาเสียงด้านเศรษฐกิจที่สำคัญของแต่ละพรรคการเมือง จะเป็นผลบวกต่อหุ้นในกลุ่มต่างๆ ไม่ว่าจะเป็นกลุ่มค้าปลีก, ไฟแนนซ์, การแพทย์, อาหารและเครื่องดื่ม, อุปโภคบริโภค รวมถึงพลังงานแสงอาทิตย์ (Solar rooftop) จากนโยบายสนับสนุนการใช้ Solar rooftop เป็นต้น

ตลาดหุ้น-เศรษฐกิจไทยฟื้นตัว

พร้อมกันนี้ บมจ.วรรณ กล่าวเสริมว่า การเลือกตั้งทั่วไปจะเป็นแรงหนุนให้กับหุ้นไทยในระยะสั้น สอดคล้องกับสถิติในอดีต ที่หุ้นไทยมักตอบสนองเชิงบวกต่อการเลือกตั้งในช่วง 1 – 3 เดือนก่อนการเลือกตั้ง ซึ่งหุ้นไทยมักปรับตัวขึ้น เฉลี่ย 2.3% – 5.6% อย่างไรก็ตามการคาดการณ์ในครั้งนี้ มีระดับความเชื่อมั่นประมาณ 70%

ขณะเดียวกัน ธนาคารกสิกรไทย มองว่า การเลือกตั้ง วันที่ 14 พฤษภาคม 2566 จะเป็นตัวช่วยกระตุ้นการจับจ่ายใช้สอยในระยะสั้น อีกทั้ง หากจัดตั้งรัฐบาลได้รวดเร็ว จะช่วยเป็นแรงกระตุ้นในส่วนของเม็ดเงินลงทุนต่างชาติ อย่างไรก็ตามหากเป็นพรรครัฐบาลชุดใหม่ ต้องติดตามเรื่องนโยบายการบริหาร ส่วนนโยบายเก่าบางอย่างอาจจะมีการเปลี่ยนแปลง สำหรับปัจจัยเหล่านี้ คาดว่าจะมีผลกระทบต่อค่าเงินบาท และทิศทาง Fund Flow

ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon