ก้าวเข้าสู่ฤดูร้อนของประเทศไทย ซึ่งเป็นช่วง Hight Season ของหุ้น “กลุ่มเครื่องดื่ม” ทำให้บริษัทที่ดำเนินธุรกิจในกลุ่มเครื่องดื่มแห่รับอานิสงส์จากความต้องการบริโภคที่เพิ่มมากขึ้น เนื่องจากในสภาพอากาศที่ร้อนระอุ เครื่องดื่มนั้นถือเป็นตัวเลือกสำคัญที่เข้ามาช่วยดับกระหาย คลายร้อนได้ และมีส่วนช่วยให้ยอดขายกลุ่มเครื่องดื่มเติบโตแบบก้าวกระโดดอีกด้วย
มาดูกันว่าในช่วงหน้าร้อนแบบนี้ หุ้น “กลุ่มเครื่องดื่ม” ตัวไหนจะได้ประโยชน์ น่าเล่นน่าลงทุนบ้าง จากรายชื่อผู้เข้าแข่งขันรับ Hight Season นี้ ได้แก่ CBG, OSP, ICHI, OISHI, MALEE, TIPCO, SSC, HTC, TACC, SAPPE และ SNNP
นอกจากนี้อาจมีหุ้นกลุ่ม “เครื่องดื่ม” บางตัวโดนสกัดดาวรุ่ง จากปัจจัย “สรรพสามิต” ปรับขึ้นอัตราภาษีความหวาน เฟส 3 ตามที่กฎหมายกำหนดเป็นขั้นบันได ตั้งแต่วันที่ 1 เม.ย.66 – 31 มี.ค. 68 นี้ ตามปริมาณน้ำตาลสูงสุด 5 บาทต่อลิตร ซึ่งเป็นจุดสูงสุดในรอบ 10 ปี และยังคงปรับอัตราขึ้นเรื่อยๆ ทุก 2 ปี ซึ่งส่งผลต่อบริษัทที่ผลิตเครื่องดื่มให้ความหวานเข้าเกณฑ์ (ตามตาราง) ดังนี้
“OSP” จ่อปิดดีลใหญ่แห่งปี
บล.หยวนต้า ปรับเป้า “OSP” สิ้นปีเป็น 36 บ.จากเดิม 32.50 บ. โดยปรับประมาณการกำไรปี 66 ขึ้น 4% และปี 67 ขึ้น 7% เพื่อสะท้อนรายได้ และ GPM ที่มีโอกาสสูงกว่าที่ประมาณการไว้เดิม รวมถึงมีมุมมองบวกต่อแนวโน้มผลประกอบการ และคาดว่าจะเห็นการฟื้นตัวแบบ U-Shape ใน Q1/66 และ V-Shape ใน Q2/66 อีกทั้งในปีนี้ คาดว่าจะได้ข้อสรุป 1 – 2 ดีล ซึ่งมีขนาดดีลค่อนข้างใหญ่กว่าที่เคยทำมา ช่วยต่อยอดในธุรกิจเดิม
หุ้นชา “ICHI” ลุยเปิดตัวสินค้าใหม่
บล.ดาโนมูระ ปักธงซื้อ “ICHI” 15.6 บ. ซึ่งล่าสุดบริษัทปรับสูตรใน 2 สินค้าหลักรสชาติน้ำผึ้งผสมมะนาว ที่ยังเสียภาษี จนอยู่ในระดับที่ไม่ต้องเสียภาษีเช่นเดียวกับรสชาติอื่นที่ได้ปรับลดสูตรน้ำตาลไปแล้ว ขณะเดียวกันบริษัทมีแผนจะเปิดรสชาติใหม่ “ไอศกรีมเมล่อน” ช่วงหลังสงกรานต์ กระตุ้นยอดขายเพิ่มมากขึ้น
หุ้นชา-กาแฟ ลุ้นปิดดีล M&A
บล.กรุงศรี คงเป้า “TACC” 9.70 บ. หลังบริษัทยืนยันการเก็บภาษีความหวาน ไม่กระทบเนื่องจากปรับสูตรแล้ว พร้อมรับอานิสงส์เปิดประเทศกลับมาฟื้นตัวหลังมีกิจกรรมทางเศรษฐกิจมากขึ้นทั้งในและต่างประเทศส่งผลให้ License Business ดีขึ้น อีกทั้งบริษัทอยู่ระหว่างปิดดีล M&A ธุรกิจ health and wellness เกี่ยวกับอาหารเสริม ซึ่งยังรอความชัดเจนอยู่
นอกจากนี้ธุรกิจ Café กาแฟพันธุ์ไทยมีการเติบโตดี ทั้ง Signature menu และ Seasonal menu จึงคงเป้ารายได้ทั้งปี 66 โต 10% (YoY) GPM คาด 36.9% และ Net margin ที่ 15.7%
น้ำอัดลมขึ้นราคาหนีภาษี
บล.บล.บียอนด์ ขึ้นแท่น “HTC” 37.50 บ. หลังบริษัทได้ปรับขึ้นราคาขายเฉลี่ยขึ้นอีก 5% ในเดือน ส.ค 65 เพื่อสะท้อนถึงต้นทุนการผลิตและต้นทุนขนส่งที่สูงขึ้น และคาดว่าการขึ้นราคาขายจะทําให้อัตรากําไรขั้นต้นกลับไปอยู่ที่ระดับ 41% จาก 40% ในปี 65 ทั้งนี้อัตรากําไรขั้นต้นดังกล่าวได้รวมผลกระทบจากราคาน้ำตาลที่สูงขึ้น รวมถึงภาษีน้ำตาลที่จะปรับขึ้นในเดือน เม.ย.นี้แล้ว
น้ำผลไม้โตเด่นตปท.
บล.เมย์แบงก์ เพิ่มเป้า “SAPPE” 66.10 บ. จากเดิม 60 บ. หลังบริษัทใช้กำลังการผลิตเต็มอัตรา จึงวางแผนขยายโรงงานผลิตแห่งใหม่ในปี 67 ในไทย และปี 68 ในยุโรป เพื่อตอบสนองความต้องการที่แข็งแกร่งทั้งในประเทศและต่างประเทศ โดยบริษัทตั้งเป้ารายได้ปี 66 เติบโต 25% พร้อมเปิดตัวผลิตภัณฑ์ใหม่ 20 รายการเพื่อตอบสนองความต้องการที่เพิ่มมากขึ้น
เจเล่-ขบเคี้ยว โตเด่น
บล.ดาโอ ขึ้นหิ้ง “SNNP” 30 บ. ซึ่งโบรกฯ คาดปี 66 รายได้ โต double digits ทั้งไทยและต่างประเทศ คาด GPM ใกล้เคียงที่ 28.2% โดยคาดรายได้จากเวียดนามในปีนี้แตะ 1 พันลบ. มุ่งสู่รายได้รวมปี 68 ที่ 8 พันลบ. ซึ่งมาจากนักท่องเที่ยวฟื้นตัวถึง 70% ของรายได้ก่อนโควิด จากกลุ่ม CLMV โดยเฉพาะเวียดนามเป็นหลัก (ไม่รวมนักท่องเที่ยวจีน) พร้อมมีแผนออก food supplement ในช่วงปลาย Q3 – Q4/66 ซึ่งยังไม่รวมอยู่ในประมาณการของบริษัท
ยกเว้นหุ้น “CBG” เสี่ยงกระทบ “ภาษีความหวาน”
บล.พาย แนะขาย “CBG” 86 บ. หลังปรับลดประมาณการกำไรปี 66-67 ลง 14%-16% เพื่อสะท้อนถึงยอดขายใน CLMV คาดว่าจะออกมาต่ำกว่าคาด ขณะที่คาดว่าส่วนแบ่งตลาดของคาราบาวแดงอาจจะไม่ได้เพิ่มขึ้นมากนักในปี 66 หากบริษัทยังคงราคาขายปลีกที่ขวดละ 10 บาท
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon
