มิติหุ้น – บริษัท ไทยคม จำกัด (มหาชน) (“บริษัท” หรือ “ไทยคม”) มีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่สำหรับไตรมาส 1/2566 จำนวน 90 ล้านบาท เพิ่มขึ้นจากไตรมาส 4/2565 (QoQ) ซึ่งมีผลขาดทุนที่ (439) ล้านบาท สาเหตุหลักเกิดจากลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนสุทธิ โดยค่าเงินบาทไทยปรับตัวอ่อนค่าลงเมื่อเทียบกับเงินดอลล่าร์สหรัฐฯ เนื่องจากบริษัทมีสินทรัพย์ที่เป็นเงินสกุลเงินดอลล่าร์สหรัฐฯมากกว่าหนี้สิน ทั้งนี้บริษัทมีผลกำไรสุทธิส่วนที่เป็นของบริษัทใหญ่สำหรับไตรมาส 1/2566 เพิ่มขึ้น 77.0% เมื่อเทียบกับกำไรสุทธิในไตรมาส 1/2565 (YoY) ที่ 51 ล้านบาท เนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น
บริษัทมีกำไรจากการดำเนินงานสำหรับไตรมาส 1/2566 จำนวน 131 ล้านบาท เพิ่มขึ้นเมื่อเทียบกับไตรมาส 4/2565 ซึ่งขาดทุนจำนวน (27) ล้านบาท (QoQ) โดยสาเหตุหลักเกิดจากการปรับตัวลดลงของผลขาดทุนจากอัตราแลกเปลี่ยนที่เกิดขึ้นจริง (Realized loss on foreign exchenge) และการปรับตัวลดลงของค่าใช้จ่ายในการขายและบริการ โดยเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2565 (YoY) กำไรจากการดำเนินงาน1เพิ่มขึ้น 48.3% จาก 88 ล้านบาทเนื่องจากรายได้จากการขายและการให้บริการปรับตัวเพิ่มขึ้น
รายได้จากการขายและการให้บริการในไตรมาส 1/2566 มีจำนวน 735 ล้านบาท ใกล้เคียงกับรายได้ 738 ล้านบาทในไตรมาส 4/2565 (QoQ) อย่างไรก็ตามเมื่อเปรียบเทียบกับไตรมาส 1/2565 (YoY) รายได้จากการขายและการให้บริการเพิ่มขึ้น 6.5% จาก 691 ล้านบาท จากการเพิ่มขึ้นของรายได้จากการให้บริการดาวเทียมแบบทั่วไป (ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8) รวมทั้งมีการรับรู้รายได้จากค่าบริหารจัดการสถานีภาคพื้นดิน (Gateway) จาก Globalstar และค่าที่ปรึกษาอื่นๆ
ทั้งนี้ Globalstar เป็นหนึ่งในผู้ให้บริการระดับโลกด้านการสื่อสารผ่านดาวเทียมและโซลูชัน IoT (Internet of Things) จากประเทศสหรัฐอเมริกา โดย Globalstar และ ไทยคม ร่วมกันพัฒนาและบริหารจัดการสถานีภาคพื้นดินในประเทศไทย เพื่อเป็นโครงข่ายในการให้บริการสื่อสารผ่านดาวเทียมในภูมิภาค จากกลุ่มดาวเทียมวงโคจรระดับต่ำ หรือ LEO (Low Earth Orbit Satellite) ของ Globalstar โดยคาดว่าภายในช่วงครึ่งปีหลังของปี 2566 บริษัทจะสามารถร่วมมือกับ Globalstar เพื่อเริ่มให้บริการเชิงพาณิชย์สำหรับระบบติดตามผ่านดาวเทียมเพื่อเพิ่มความปลอดภัยแก่นักท่องเที่ยว โดยเป็นอุปกรณ์ที่ติดไว้บนเสื้อชูชีพ ซึ่งจะทำการแจ้งเตือนเมื่อเกิดอุบัติเหตุ หรือประสบเหตุอันไม่พึงประสงค์ อุปกรณ์ที่ติดไว้ในเสื้อชูชีพจะระบุพิกัดของนักท่องเที่ยวและส่งไปยังหน่วยงานที่เกี่ยวข้องโดยอัตโนมัติ
นอกจากนี้ เมื่อวันที่ 7 เมษายน 2566 ที่ประชุมผู้ถือหุ้นของบริษัทได้มีมติอนุมัติการลงทุนโครงการดาวเทียมชุดข่ายงานดาวเทียมวงโคจร 119.5 องศาตะวันออก เป็นจำนวนเงินไม่เกิน 15,203 ล้านบาท โดยปัจจุบันบริษัทอยู่ระหว่างการสรรหาผู้ผลิตดาวเทียมที่เหมาะสม ควบคู่ไปกับการดำเนินการขาย presale capacity บนดาวเทียมดวงใหม่
ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 ดาวเทียมที่บริษัทให้บริการภายใต้ใบอนุญาตประกอบกิจการโทรคมนาคม ได้แก่ ดาวเทียมไทยคม 7 และไทยคม 8 โดยอัตราการใช้บริการของลูกค้าของทั้งสองดวง ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 มีอัตราการใช้บริการของลูกค้าเมื่อเทียบกับความสามารถในการให้บริการของดาวเทียม อยู่ที่ระดับ 55% เพิ่มขึ้นจาก 53% ณ สิ้นปี 2565
ณ สิ้นไตรมาส 1/2566 บริษัท ลาว เทเลคอมมิวนิเคชั่นส์ มหาชน (แอลทีซี) และ บริษัท ทีพลัสดิจิทัล จำกัด (ทีพลัส) มีจำนวนผู้ใช้บริการโทรศัพท์เคลื่อนที่ในระบบรวมทั้งสิ้น 2.44 ล้านราย โดยมีระดับจำนวนผู้ใช้บริการเพิ่มขึ้นจาก 2.32 ล้านราย ณ สิ้นปี 2565
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon