มิติหุ้น – ออสสิริส (Ausiris) ผู้เชี่ยวชาญด้าน Gold Investment เผยแนวโน้มราคาทองคำเดือนพฤษภาคม ทองลุ้นไปต่อ หาก Fed ส่งสัญญาณใกล้จบการขึ้นดอกเบี้ยและแบงค์สหรัฐยังอยู่ในภาวะเสี่ยงล้ม
นายพีระพงศ์ วิริยะนุเคราะห์ นักวิจัยอาวุโส แผนก Ausiris Intelligence บริษัท ออสสิริส จำกัด กล่าวถึงสรุปสถานการณ์ราคาทองในเดือนเมษายนที่ผ่านมา ราคาทองคำในตลาดโลกปรับตัวทำจุดสูงสุดในรอบ 1 ปี 1 เดือนที่ระดับ 2,048 usd/oz ขณะที่ราคาทองในประเทศพุ่งสูงสุดในประวัติศาสตร์ ราคาทองคำแท่ง 96.5% ขายออกสูงสุดถึงบาทละ 32,850 บาท ราคาทองรูปพรรณขายออกสูงสุดบาทละ 33,350 บาท อ้างอิงราคาจากสมาคมค้าทองคำ โดยได้รับแรงหนุนจากรายงานการประชุมของคณะกรรมการนโยบายการเงินของธนาคารกลางสหรัฐฯ (Fed Minutes) ระบุว่า วิกฤตแบงก์ล่มและความวุ่นวายอื่น ๆ ในภาคการเงิน ซึ่งเริ่มขึ้นในต้นเดือนมีนาคม เป็นเหตุฉุดเศรษฐกิจสหรัฐฯ เข้าสู่ภาวะถดถอยภายในปีนี้และแรงหนุนจากการประกาศตัวเลขเงินเฟ้อสหรัฐที่ชะลอตัวลงอยู่ที่ 5% ซึ่งลดลงเร็วกว่าที่คาดและต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2021 ซึ่งนักลงทุนเริ่มคาดการณ์กันว่า มีแนวโน้มเป็นไปได้สูงว่า Fed อาจจะขึ้นอัตราดอกเบี้ยอีกเพียง 1 ครั้ง ในเดือนหน้าก่อนจะหยุดพัก ขณะที่ตัวเลขการจ้างงานนั้น เริ่มมีสัญญาณลดลง จำนวนการขอสวัสดิการการว่างงานสูงขึ้นมากด้วยและตัวเลขเศรษฐกิจสหรัฐยังไม่ฟื้นตัว อีกทั้งประเด็นสถานการณ์รัสเซีย-ยูเครน เกิดความตึงเครียดขึ้น ภาพรวมทั้งหมดที่กล่าวมาเป็นปัจจัยหลักที่ทำให้ราคาทองพุ่งขึ้นแรงในเดือนเมษายน
“สำหรับแนวโน้มราคาทองคำเดือนพฤษภาคมนี้ หากดูจากสถิติราคาทองคำในรอบ 10 ปีที่ผ่านมา ในเดือนพฤษภาคม ราคาทองคำปรับลง 5 ครั้งและปรับขึ้น 5 ครั้ง ซึ่งการลงเฉลี่ยอยู่ที่ 3.94% ส่วนการขึ้นเฉลี่ยที่ 2.48% และในเดือนนี้มีโอกาสที่จะเกิดความผันผวนสูงอีกด้วย สำหรับปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำ มี 5 ประเด็นสำคัญ ได้แก่ สถานการณ์ด้านฝั่งสหรัฐ ในประเด็นแรกที่ต้องติดตามช่วงวันที่ 4 พฤษภาคมนี้จะมีกำหนดการประชุมของคณะกรรมการกำหนดนโยบายการเงิน (FOMC) ของธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) เพื่อตัดสินใจเกี่ยวกับนโยบายการเงิน ซึ่งมีแนวโน้มว่าการประชุมเฟดรอบนี้ Fed จะขึ้นดอกเบี้ยเพียง 0.25% สู่ระดับ 5.00-5.25% อยู่ในระดับสูงสุดในรอบ 16 ปี และเป็นการปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยเป็นครั้งที่ 10 นับตั้งแต่วัฏจักรปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยในเดือน มีนาคม 2022 ทำให้คาดการณ์ว่าช่วงก่อนการประชุมถึงช่วงประชุมดอลลาร์อาจแข็งค่าและกดดันราคาทองคำ หลังจากนั้นต้องติดตามสถานการณ์ตลาดว่าจะโฟกัสว่าทาง Fed จะมีทิศทางอย่างไรเกี่ยวกับทิศทางดอกเบี้ยช่วงที่เหลือของปี หาก Fed ส่งสัญญาณชะลอหรือยุติการขึ้นอัตราดอกเบี้ย เนื่องจากความกังวลในเรื่องของเศรษฐกิจถดถอยราคาทอง อาจมีแนวโน้มปรับขึ้นต่อทันที ล่าสุดสำหรับผลสำรวจของ Bloomberg ซึ่งยังชี้ให้เห็นถึงการคาดการณ์ที่เพิ่มขึ้นว่า Fed จะลดอัตราดอกเบี้ยในปลายปีนี้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งหากภาวะเศรษฐกิจแย่ลง ในทางกลับกันหาก Fed ส่งสัญญาณนโยบายที่เข้มงวดต่อ เพื่อหวังให้เงินเฟ้อลดลงราคาทองอาจถูกกดดันต่อ” นายพีระพงศ์ กล่าว
นายพีระพงศ์ กล่าวต่อถึงปัจจัยที่ส่งผลกระทบต่อราคาทองคำในเดือนพฤษภาคมว่า สถานการณ์ด้านฝั่งสหรัฐฯ ประเด็นสองที่ต้องติดตามคือ ตัวเลขการจ้างงานนอกภาคการเกษตรของสหรัฐฯ ในวันที่ 5 พฤษภาคมนี้ว่า เป็นไปตามที่ตลาดคาดการณ์หรือไม่ คนตกงานเพิ่มขึ้นหรือลดลง สะท้อนถึงปัญหาเศรษฐกิจถดถอยหรือไม่ ซึ่งจะเป็นมาตรวัดหนึ่งที่ Fed จะใช้ในการประเมินทิศทางดอกเบี้ยในการประชุมครั้งถัดไป อีกทั้งในเรื่องอัตราเงินเฟ้อของสหรัฐฯ ก็ยังเป็นสิ่งสำคัญที่ต้องติดตามเช่นกัน ซึ่งล่าสุดอัตราเงินเฟ้อยังคงตัวในระดับสูงในเดือนมีนาคมที่ผ่านมา อยู่ที่ระดับ 5% แม้ว่าต่ำที่สุดนับตั้งแต่เดือนกันยายน 2564 แต่ยังห่างจากเป้าของ Fed ที่ระดับ 2% ต้องมาติดตามกันต่อในส่วนของเดือนเมษายนว่า เงินเฟ้อจะมีการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางใด โดยจะประกาศในวันที่ 10 พฤษภาคม 2566
ติดตามช่องทางมิติหุ้นเพื่อรับข่าวสารตลาดทุนได้ตามลิงค์ด้านล่าง
Web : https://www.mitihoon.com/
Facebook : https://www.facebook.com/mitihoon
Youtube : https://www.youtube.com/@mitihoonofficial7770
Tiktok : www.tiktok.com/@mitihoon